กาญจนบุรี - ผบช.ภาค 7 แถลงข่าวสาวกับกอล์ฟ 2 ผู้ต้องหาลวงป้าอ้อย ฆ่ารัดคอก่อนนำศพโยนทิ้งเหว รับสารภาพแล้ว สาวเผยหวังฆ่าป้าอ้อยเพื่อปลดหนี้เงินค่าออกรถ 3 คัน จำนวน 1 ล้านบาท จึงจ้างกอล์ฟมาช่วยลงมือในราคา 2 หมื่นบาท ผู้การภาค 7 สั่งชุดสืบภาคลงมาทำคดีเรื่องขบวนการจ้างคนมาออกรถแล้วนำไปขายต่อ
จากกรณีคดีการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ของนางดารัณ แพลอย หรือป้าอ้อย อายุ 58 ปี เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ซึ่งหลังการออกสืบสวนหาข่าว จนสามารถนำไปสู่การจับกุม น.ส.วิลาวัณย์ แสงประดับเพชร หรือสาว อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับป้าอ้อย และนายนิติ จุลสำราญ หรือกอล์ฟ ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อเหตุมาทำการสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี
วันนี้ (7 ก.ค.) เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางลงพื้นที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหาและแถลงข่าวสรุปคดีที่เกิดขึ้น โดยได้เข้าประชุมร่วมกับชุดสืบสวนคลี่คลายคดีเป็นเวลาประมาณ 50 นาที ก่อนจะเข้าไปพูดคุยกับ น ส.สาว และนายกอล์ฟ 2 ผู้ต้องหา โดยได้สอบถามถึงแรงจูงใจและมูลเหตุในการก่อคดีประมาณ 20 นาที จากนั้นจึงได้ลงมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมนำของกลาง ประกอบด้วย รถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด ซึ่งใช้ในการก่อเหตุลวงป้าอ้อย ไปฆ่ารัดคอ รถจักรยานยนต์ที่นายกอล์ฟ ใช้ในการนำบัตรประชาชนและทรัพย์สินของป้าอ้อยไปเผาทำลายมาร่วมในการแถลงข่าวด้วย
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า ในด้านการสืบสวนคลี่คลายคดีนั้น ทางตำรวจระดมกำลังทำการสืบสวนหาข่าวอย่างเต็มที่ จนสามารถขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือ น.ส.วิลาวัณย์ แสงประดับเพชร หรือ สาว อายุ 38 ปี และนายนิติ จุลสำราญ หรือ กอล์ฟ โดยในส่วนของ น ส.สาวนั้น เป็นเพื่อนร่วมงานที่เดียวกับป้าอ้อย และรู้จักคุ้นเคยกันมาเป็นเวลานาน ส่วนนายกอล์ฟ เป็นคนรู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกับ น.ส.สาว มานาน ในการลงมือก่อเหตุครั้งนี้เพื่อต้องการที่จะปลดหนี้ เรื่องที่ น.ส.สาว เคยไปขอให้ป้าอ้อย ช่วยออกรถมาให้ จำนวน 3 คัน โดยตกลงว่าจะให้เงินค่าตอบแทนจำนวน 1 ล้านบาท แต่เมื่อป้าอ้อยออกรถมาให้เรียบร้อย น.ส.สาว กลับให้เงินป้าอ้อย ไม่ครบตามที่สัญญา
เมื่อป้าอ้อย ถูกไฟแนนซ์ตามทวงถามเรื่องค่างวดรถ จึงได้ไปทวงเงินกับ น.ส.สาว ทำให้น.ส.สาว วางแผนลงมือฆ่าป้าอ้อย โดยลวงว่าจะพาไปหาเพื่อนที่เป็นนายทุนในอำเภอศรีสวัสดิ์ เพื่อนำเงินมาปลดหนี้ค่ารถทั้ง 3 คัน ก่อนจะรับป้าอ้อย ขึ้นรถและลงมือฆ่ารัดคอ โดยมีนายกอล์ฟ เป็นผู้ร่วมลงมือ โดย น.ส.สาว จ้างนายกอล์ฟในราคา 20,000 บาท
พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า หลังทางตำรวจรับแจ้งเรื่องการหายตัวไปจากครอบครัวของป้าอ้อย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 กรกฎาคม ได้มีการออกติดตามสืบจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่หน้ามหาวิทยาลัยเรื่อยไป จนพบว่า ป้าอ้อย ขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่ปั๊มน้ำมันในพื้นที่ตำบลลาดหญ้า จากนั้นได้มีรถฮอนด้า แอคคอร์ด ซึ่งมี น.ส.สาว เป็นคนขับและนายกอล์ฟ นั่งมาด้วยในรถ มารับป้าอ้อยขึ้นรถไป
โดยมุ่งหน้าไปทางอำเภอศรีสวัสดิ์ โดยกล้องวงจรปิดที่จับภาพรถของผู้ก่อเหตุได้จุดสุดท้ายคือในพื้นที่หมู่ 4 บ้านท่าสนุ่น ตำบลด่านแม่แฉลบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตึงได้นำตัว น.ส.สาว และนายกอล์ฟ มาสอบปากคำอย่างละเอียด สุดท้าย ด้วยพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มี ทำให้ น.ส.สาว และนายกอล์ฟ ยอมรับสารภาพว่าได้ร่วมกันลงมือฆ่าป้าอ้อยจริง โดยนำศพไปทิ้งลงเหว ริมถนนสาย 3199 กายจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ ห่างจากท่าจอดแพขนานยนต์ประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อไปตรวจสอบพบศพของป้าอ้อยอยู่ในจุดดังกล่าวจริง
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า พฤติกรรมการก่อเหตุของผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ราย มีความโหดเหี้ยมอำมหิต โดยเริ่มจากการให้น.ส.สาว ขับรถไปรับป้าอ้อย ที่ปั๊มน้ำมัน จากนั้นให้ป้าอ้อย มานั่งที่เบาะหน้าข้างคนขับ จากนั้น นายกอล์ฟ ที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังป้าอ้อย ได้ใช้เชือกที่เตรียมมาลงมือรัดคอป้าอ้อย จากด้านหลัง โดยที่ น.ส.สาว รับหน้าที่ขับรถมุ่งหน้าไปอำเภอศรีสวัสดิ์ จากนั้นเมื่อถึงกลางทาง ได้เปลี่ยนหน้าที่ให้นายกอล์ฟ มาขับรถแทน และให้ น.ส.สาวไปรัดคอป้าอ้อยซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าเสียชีวิตแล้ว เมื่อไปถึงจุดทิ้งศพ ได้ช่วยกันยกศพลงจากรถ และทิ้งศพลงข้างทาง ก่อนจะขับรถกลับออกมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากแยกย้ายกัน นายกอล์ฟ ได้รับหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์นำเอาทรัพย์สินและบัตรประชาชนของป้าอ้อย มาเผาทำลายที่ท่าน้ำบ้านท่าเพนียด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ยังได้กล่าวว่า ก่อนจะลงมือก่อเหตุ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้มีการวางแผนและสำรวจเส้นทางที่จะนำศพไปทิ้งมาแล้วเป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากนี้จะได้พิจารณาว่าจะดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้ง 2 คนในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายไตร่ตรองไว้ก่อนเพิ่มด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ ในเรื่องของขบวนการจ้างผู้อื่นให้ไปออกดาวน์รถแล้วนำมาขายนั้น ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ลงพื้นที่มาทำคดีนี้แล้ว โดยจะได้สืบสวนหาเพื่อนร่วมขบวนการ รวมถึงกลุ่มนายทุนและผู้ที่รับซื้อรถเหล่านี้ให้ได้ทั้งขบวนการ
ทั้งนี้ ในระหว่างการแถลงข่าว ได้มีครูหนึ่ง ซึ่งเป็นครูในมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี เดินทางมาขอพบผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อคดีครั้งนี้ เนื่องจากครูหนึ่ง มีชื่อเป็นเจ้าของรถฮอนด้า ที่ น.ส.สาว ใช้ในวันก่อเหตุ
ครูหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า ตนเองได้รับการขอร้องจาก น.ส.สาว ที่รู้จักกันมานับสิบปี ให้ช่วยใช้ชื่อไปออกรถคันดังกล่าวให้ โดย น.ส.สาว จะให้ค่าตอบแทน จำนวน 50,000 บาท โดยอ้างว่า อยากได้รถไว้ใช้รับส่งลูก ด้วยความรู้จักคุ้นเคยและไว้ใจ ครูหนึ่ง จึงตกลงใจใช้ชื่อไปออกรถคันดังกล่าวให้ แต่ไม่ได้รับเงิน 50,000 บาท มาแต่อย่างใด