นครพนม - จังหวัดนครพนมนัดหารือหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมกับเกษตรกรชาวสวนสับปะรดติดตามสถานการณ์ปัญหาผลผลิตและการตลาด โดยวางเป้าหมายพัฒนาสับปะรดนครพนมให้เป็นแบบ BCG Model ในปี 67 เพิ่มขึ้นที่ผลผลิตและรายได้ ด้านชาวสวนพอใจปีนี้ราคาขายสูงขึ้นเพราะสับปะรดออกตลาดไม่พร้อมกัน
ที่ศูนย์สารสนเทศยางพารานครพนม สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม อำเภอเมืองนครพนม นางสาวสายสุณี ปั้นพงษ์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมบริหารจัดการ การผลิตและการตลาดสินค้าสับปะรดระดับจังหวัด โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการ เช่น สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนม บริษัทไปรษณีย์ไทย จังหวัดนครพนม องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม สำนักงานเกษตรอำเภอโพนสวรรค์และท่าอุเทน ผู้แทนกลุ่มแปลงใหญ่สับปะรดตำบลนาใน และกลุ่มแปลงใหญ่สับปะรดตำบลโนนตาล
นางสาวสายสุณี ปั้นพงษ์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนม กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เพื่อติดตามสถานการณ์ผลผลิตของสับปะรดในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอท่าอุเทน และอำเภอโพนสวรรค์ ซึ่งเป็นพื้นที่หลักที่มีการปลูกสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย รวมทั้งหารือถึงแนวทางการส่งเสริมและปัญหาจากการส่งเสริมการผลิตสับปะรดของเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ เพื่อนำข้อมูลไปบริหารจัดการผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค
ทั้งนี้ จังหวัดนครพนมมีเป้าหมายในการพัฒนาสับปะรดด้วยแนวทางการขับเคลื่อนแบบ BCG Model ในปี พ.ศ. 2567 ผลผลิตของสับปะรดที่ได้รับมาตรฐาน GAP จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ต่อปี มูลค่าของสับปะรดเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อปี มูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้จากสับปะรดร้อยละ 2 ต่อปี และการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จากสถานการณ์ผลผลิตสับปะรดจังหวัดนครพนม จากข้อมูลสรุปสภาวการณ์ผลิตพืช ประจำปี 2565 จังหวัดนครพนมมีพื้นที่ปลูกสับปะรด 5,188 ไร่ พื้นที่เก็บเกี่ยว 5,149 ไร่ ผลผลิต 21,499 ตัน/ปี ผลผลิตเฉลี่ย 4,144 ไร่ เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ประมาณ 507 ครัวเรือน ราคาผลผลิต ประมาณ 10-12 บาท/กิโลกรัม
ด้านนายสุขสันต์ พรรณวงษ์ ประธานกลุ่มแปลงใหญ่สับปะรดตำบลโนนตาล เปิดเผยว่า สำหรับในปีนี้อยู่ในช่วงฤดูกาลผลผลิตออกจำหน่าย โดยปีนี้ผลผลิตสับปะรดไม่ออกพร้อมกันเหมือนในปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ผลผลิตเกิดการกระจุกตัวและมีปริมาณมาก ราคาผลผลิตก็ต่ำ แต่ในปีนี้ถือเป็นโอกาสดีของพี่น้องชาวสวนสับปะรดที่สับปะรดมีผลผลิตที่ออกเป็นรุ่นๆ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีมากถึง 3 รุ่น ทำให้ผลผลิตเกิดการกระจายตัวไม่กระจุก ทำให้ราคาในท้องตลาดสูง เป็นที่พอใจของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนสับปะรดในปีนี้