xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ท่าเรือ-เจ้าของร้านทองร่วมกันไล่ตะครุบไอ้หนุ่มขี้ยา ฉกทอง 5 บาท กลางชุมชนเล่าจ๋อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - ตร.ท่าเรือ เจ้าของร้านทองร่วมกันไล่ตะครุบไอ้หนุ่มขี้ยา ฉกทอง 5 บาท กลางชุมชนเล่าจ๋อ พบสารเสพติดในร่างกาย เจอ 2 ข้อหา เจ้าของร้านทองรับสนิทกันทั้งบ้าน จึงไม่สงสัย

วันนี้ (22 มิ.ย.) พ.ต.ท.ชนะชล ชินแสง สว.(สอบสวน) สภ. ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำเขตตลาดเทศบางเมืองท่าเรือพระแท่น ว่า เกิดเหตุคนร้ายชิงสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท ไปจากร้านทองสยาม เลขที่ 6 ถ.เทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ต.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ซึ่งขณะนี้นายชัยยศ ซิปเข เจ้าของร้านทองสยาม 1 กำลังติดตามไปที่บ้านพักของผู้ก่อเหตุที่อยู่ภายในชุมชนเล่าจ๋อ ที่อยู่ห่างจากร้านทองประมาณ 500 เมตร หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรีบนำกำลังเจ้าหน้าที่ติดตามไปชุมชนดังกล่าว พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมบัติ โพธิ์งาม ผกก.สภ.ท่าเรือ เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน สภ.ท่าเรือ และเจ้าหน้าที่ ตร.สายตรวจ สภ.ท่าเรือ

เมื่อนายชัยยศ ซิปเข เจ้าของร้านทองสยาม ไปถึง พบนายสุรเดช ฉายภาค หรือเลี๊ยบ เล่าจ๋อ อายุ 38 ปี ผู้ก่อเหตุนั่งอยู่ภายในบ้าน ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปถึงพอดี นายชัยยศ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบและสามารถคุมตัวเอาไว้ได้ และพบสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท สวมอยู่ที่คอของนายสุรเดช เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเอาไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามสอบถามนายสุรเดช ว่าสร้อยคอทองคำที่เหลืออีก 2 เส้นอยู่ที่ไหน แต่นายสุรเดช ไม่ยอมปริปาก

เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยชาวบ้าน รวมทั้งแม่และพี่ชายของนายสุรเดช จึงช่วยกันค้นหาโดยรอบบ้านพัก ไม่นานนักพบสร้อยคอทองคำอีก 1 เส้น หนัก 2 บาท ถูกเก็บเอาไว้ในถุงยาเส้นซุกซ่อนอยู่พงหญ้า และยังคงเหลืออีก 1 เส้นหนัก 2 บาท ที่ยังหาไม่พบ เนื่องจากนายสุรเดช ไม่ยอมบอกที่ซ่อน ดังนั้น พ.ต.อ.สมบัติ โพธิ์งาม ผกก.สภ.ท่าเรือ จึงได้สั่งการให้คุมตัวนายสุรเดช ไปสอบปากคำที่ สภ.ท่าเรือ และในที่สุดนายสุรเดช จึงยอมปริปากบอกที่ซ่อนสร้อยคอทองคำว่าสร้อยถูกซุกซ่อนเอาไว้ใกล้กับที่พบเส้นแรก เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปค้นหา ปรากฏว่าพบสร้อยคอทองคำอยู่ในถุงยาเส้นซ่อนอยู่ในพงหญ้าข้างบ้านจริง
หลังพบสร้อยคอทั้งคำทั้งหมดเจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวนายชัยยศ เจ้าของร้านทองสยามไปให้ปากคำเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่อีก 1 ชุด ได้ทำการตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ภายในร้านทอง ซึ่งกล้องสามารถจับภาพเอาไว้ได้อย่างชัดเจน

โดยพบว่าก่อนที่นายสุรเดช จะชิงทอง 3 เส้น น้ำหนักรวม 5 บาทไปนั้น นายสุรเดช ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านอย่างสนิทสนม โดยเจ้าของร้านได้หยิบสร้อยคอทองคำ หนัก 2 บาท จำนวน 2 เส้น มาให้นายสุรเดชเลือก และได้หยิบสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทมาให้นายสุรเดชดูอีก 1 เส้น ระหว่างนั้นนายสุรเดช ได้เรียกให้คนรู้จักที่อยู่หน้าร้านทองเป็นหญิง 1 คน ชาย 1 คน เข้ามาในร้านเพื่อให้ลองใส่สร้อยคอทองคำดู แต่ไม่นานนักหญิงชายทั้ง 2 คน ถอดสร้อยคอทองคำคืนให้ จากนั้นนายสุรเดช ได้หยิบเอาสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท สวมใส่เอาไว้ที่คอ ขณะที่นายชัยยศ กำลังนั่งดูโทรศัพท์อยู่นั้น นายสุรเดช ได้ฉวยโอกาสหยิบเอาสร้อยคอทองคำทั้ง 2 เส้นแล้วเดินออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว ซึ่งนายชัยยศ เจ้าของร้านได้มองตามแต่ไม่ได้เอะใจ เพราะมีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
 
ทั้งนี้ นายชัยยศ เจ้าของร้านทองสยาม กล่าวว่า ตนกับพ่อแม่ รวมทั้งตัวนายสุรเดช รู้จักกันมานานแล้ว แม่ของนายสุรเดช มีอาชีพขายของอยู่ในตลาดและยังเป็นลูกค้าของร้านอีกด้วย การที่นายสุรเดช มาขอดูทองตนจึงไม่ได้เอะใจอะไร เพราะรู้จักกันเป็นอย่างดี ส่วนสาเหตุที่นายสุรเดช ลงมือก่อเหตุชิงทองในวันนี้ ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าเรือเป็นผู้สอบสวนเพื่อหาแรงจูงใจต่อไป
 
ด้าน พ.ต.อ.สมบัติ โพธิ์งาม ผกก.สภ.ท่าเรือ กล่าวว่า หลังจากที่ พ.ต.ต.ชนะชล ชินแสง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าเรือ ได้รับแจ้งเหตุ จึงนำกำลังเดินทางไปที่ชุมชนเล่าจ๋อ ไปถึงพบนายชัยยศ เจ้าของร้านทอง พร้อมกับให้ข้อมูลว่า นายสุรเดช ได้เข้ามาที่ร้านและขอดูสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น และ 2 บาท 2 เส้น เมื่อตนเผลอนายสุรเดช ได้ฉวยจังหวะหลบหนีไปทางชุมชนเล่าจ๋อ เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตาม
 
เมื่อมาถึงชุมชนเล่าจ๋อ ได้พบนายสุรเดช เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงอาการมีท่าทีตกใจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจค้น พบของกลาง สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท สวมอยู่ที่คอ ส่วนสร้อยคอทอง 2 เส้น หนักเส้นละ 2 บาท ซุกซ่อนเอาไว้ในพงหญ้า หลังจากตรวจยึดของกลางนำคืนเจ้าของ เจ้าหน้าที่สงสัยถึงพฤติกรรมของนายสุรเดช ว่าอาจจะเสพยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจปัสสาวะเพื่อหารสารเสพติด ปรากฏว่าฉี่เป็นสีม่วง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าเรือ ดำเนินคดีใน 2 ข้อหา คือ ข้อหาวิ่งราวทรัพย์ และข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย




กำลังโหลดความคิดเห็น