กาญจนบุรี - หนุ่มสงขลาพาครอบครัวเข้าพักโรงแรมดัง ตื่นเช้ามาทรัพย์สูญหายค่ากว่า 7 แสน ส่วนหนุ่มที่พักห้องติดกันโดนไป 7,000 บาท หลังตรวจสอบพบกระจกในห้องกลายเป็นหน้าต่างลับมีไว้ใช้สำหรับให้กิ๊กหลบหนีเมียหลวง ด้านโรงแรมปฏิเสธความรับผิดชอบ
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี นายเอษณะ หรือปอ แก่นแก้ว อายุ 43 ปี ชาว จ.สงขลา เปิดเผยว่า ช่วงเย็นของวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยภรรยา และลูกสาววัย 7 เดือน ได้เดินทางมาทำธุระที่จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อมาถึงได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ถนนบายพาส หลังจากนำกระเป๋าเข้าไปเก็บเอาไว้ในห้องพักแล้วเสร็จ จึงได้เดินทางไปหาน้องชายที่อยู่แถววัดหัวนา จากนั้นได้เดินทางไปกินข้าวที่ร้านอาหาร
จนกระทั่งเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ตนเองพร้อมภรรยา และลูกสาวกลับมาอาบน้ำที่ห้องเพื่อนอนพักผ่อน โดยได้ถอดเอาทรัพย์สินประเภทสร้อยคอทองคำ แหวนทอง รวมทั้งนาฬิกาและโทรศัพท์มือถือ รวม 11 รายการ มูลค่า 710,000 บาท วางเอาไว้ที่หัวเตียงนอน เมื่ออาบน้ำเสร็จทุกคนก็นอนพักผ่อน จนกระทั่งเช้าวันที่ 27 เม.ย.ตื่นขึ้นมา แต่เมื่อมองไปที่หัวเตียงปรากฏว่าทรัพย์สินทั้งหมดได้หายไป ครั้งแรกเข้าใจว่าอาจจะลืมเอาไว้ที่รถยนต์ เมื่อตนเปิดประตูห้องนอนออกมา พบว่ามีคนที่พักอยู่ห้องติดกันยืนรอพวกตนอยู่ที่หน้าห้อง ซึ่งชายคนดังกล่าวได้ถามตนว่าคืนที่ผ่านมาได้ยินเสียงอะไรหรือไม่ ซึ่งตอบไปว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยเพราะนอนหลับสนิท
จากนั้นชายคนดังกล่าวได้บอกกับว่าทรัพย์สินเป็นกระเป๋าสตางค์หายไป เมื่อทราบเช่นนั้นตนกับภรรยาจึงรู้ว่ามีคนเข้ามาขโมยเอาทรัพย์สินของตนไปอย่างแน่นอน และยิ่งทำให้สงสัยอีกว่าคนร้ายจะเข้ามาภายในห้องพักได้อย่างไร เพราะห้องไม่มีหน้าต่าง มีประตูเข้าออกเพียงแค่ประตูหน้าประตูเดียวเท่านั้น และขณะนอนพักผ่อนได้ล็อกประตูเอาไว้เป็นอย่างดี
ด้วยความสงสัย ตนกับชายที่พักอยู่ห้องติดกัน จึงเดินสำรวจโดยรอบห้องพัก ผลปรากฏว่าด้านหลังห้องพักมีหน้าต่างล็อกกลอนเอาไว้ด้านนอก ส่วนด้านในเป็นกระจก จึงทำให้ไม่มีใครรู้เลยว่ากระจกที่อยู่ในห้องจะเป็นหน้าต่างที่สามารถเปิดเข้าไปในห้องพักได้ โดยระหว่างนั้นพบกระเป๋าสตางค์ของชายที่พักอยู่ห้องติดกันวางทิ้งอยู่ที่คอมแอร์ เมื่อเปิดดูเงินสดไม่มีแล้ว
นายเอษณะ กล่าวว่า จากการที่ได้พูดคุยกับเจ้าของโรงแรม ปรากฏว่าเจ้าของได้พูดจาบ่ายเบี่ยงและไม่ยอมรับผิดชอบ และยังบอกอีกว่าทรัพย์สินของพวกตนนั้นหายไปจริงหรือไม่ และถึงแม้ว่าทรัพย์สินของลูกค้าที่มาพักหายไปทางโรงแรมไม่รับผิดชอบอยู่แล้ว เจ้าของโรงแรมยังบอกอีกว่า หน้าต่างที่เป็นกระจกนั้นเป็นทางลับมีไว้สำหรับเวลาที่มีผู้ชายนำเมียน้อย หรือกิ๊กมานอน หากเมียหลวงจับได้แล้วมาตามจะใช้หน้าต่างดังกล่าวหลบหนีเมียหลวงไป
เมื่อรู้ว่าเจ้าของโรงแรมไม่รับผิดชอบตนจึงนำภรรยาเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีและติดตามทรัพย์สินที่หายไปมาคืน โดยมีทนายความเดินทางไปด้วยเพื่อต้องการให้ทนายความฟ้องร้องเอาผิดกับเจ้าของโรงแรม ซึ่งในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจ ตรวจพบลายนิ้วมือของผู้ก่อเหตุติดอยู่ที่กระจกที่เป็นหน้าต่างลับด้วย เวลาผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้ว คดียังไม่มีความคืบหน้าซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่แจ้งผลให้ทราบเลย ดังนั้น ตนกับภรรยา พร้อมผู้เสียหายที่พักอยู่ห้องติดกันจึงขอให้สื่อมวลชนช่วยติดตามอีกทางหนึ่งด้วย
ด้าน น.ส.ปาณิศา หรือปลา ศรีวิรัตน์ อายุ 31 ปี ภรรยาของนายเอษณะ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตน ทำให้รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าโรงแรมที่เข้าพักจะมีหน้าต่างลับแบบนี้ ที่ผ่านมาตนกับครอบครัวเคยเช่าโรงแรมนอนมาแล้วหลายแห่ง แต่ไม่เคยพบเจอโรงแรมที่มีทางลับเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นหลังจากนี้หากเข้าพักโรงแรมจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยของครอบครัวโดยเฉพาะลูกที่ยังเล็ก และขอฝากไปถึงผู้ที่จะเข้าพักโรงแรมให้ตรวจสอบให้ดีเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคน
สิ่งที่ตนและครอบครัวสงสัยอีกประเด็นหนึ่งคือ คืนดังกล่าวพวกตนนอนหลับสนิทเหมือนคนหลับลึก ลูกสาวอายุ 7 เดือน จะต้องร้องไห้เพื่อกินนมทุกคืน แต่คืนนั้นลูกของตนกลับไม่ร้องไห้เหมือนทุกคืนที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าพวกตนอาจจะโดนวางยาสลบก็เป็นไปได้
ด้านนายปริญญา (ขอสงวนนามสกุล) 1 ในผู้เสียหายกล่าวว่า คืนวันดังกล่าวตนเข้านอนในเวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะที่ออกมายืนสูบบุหรี่ที่หน้าห้องกระเป๋าสตางค์ก็ยังอยู่ หลังจากสูบบุหรี่เสร็จตนจึงเข้านอน และหลับไปแบบไม่รู้สึกตัว ซึ่งปกติแล้วเวลาประมาณตีสี่ถึงตีห้าของทุกวันตนจะตื่นนอนเพื่อมาดื่มกาแฟ แต่ปรากฏว่าวันดังกล่าวตนตื่นสายถึงประมาณ 7 โมงเช้า และพบว่ากระเป๋าสตางค์ที่มีเงินสดอยู่ 7,000 บาทหายไป ตนจึงตะโกนเอะอะโวยวายขึ้นมา แล้วไปขอดูกล้องวงจรปิด แต่กล้องวงจรปิดติดเอาไว้เฉพาะด้านหน้า ส่วนหลังห้องพักไม่มีจึงไม่เห็นใครเข้ามาในห้องนอน
จากนั้นตนกับครอบครัวผู้เสียหายที่พักอยู่ห้องติดกันจึงเดินไปสำรวจด้านหลังของห้องพักพบว่ามีหน้าต่างเข้าห้องอีก 1 จุด และหน้าต่างดังกล่างล็อกกลอนด้านนอกเอาไว้ ส่วนด้านในนั้นเป็นกระจก สามารถเปิดเข้าไปในห้องได้ ตนจึงถามพนักงานมีแบบนี้ทำไมไม่มาแจ้งให้ทราบก่อน ระหว่างสอบถามตนพบกระเป๋าสตางค์ของตนวางทิ้งเอาไว้อยู่หลังห้องพัก ซึ่งการกระทำเช่นนี้ตนเชื่อว่า รปภ.รวมทั้งแม่บ้านน่าจะรู้เห็นเป็นใจอย่างแน่นอน หลังเกิดเหตุตนจึงได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี จากนั้นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบ แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า