บุรีรัมย์ - คืบหน้าน้องเตยวัย 4 ขวบหัวใจแกร่งดูแลย่าตาบอดที่บุรีรัมย์ เผยยอดเงินบริจาคกว่า 5.9 ล้าน ตั้งกรรมการช่วยดูแลเงินบริจาค โดยแบ่ง 4 ล้านเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาหลาน อีก 1.9 ล้านให้ย่าดำรงชีวิตซ่อมแซมบ้านให้อยู่อาศัยสะดวกและปลอดภัย ย่าวอนหยุดดรามาปมลูกชายทอดทิ้งไม่ส่งเสียลูก “น้องเตย” เผยพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว
วันนี้ (16 มิ.ย.) ความคืบหน้าจากกรณีที่ น.ส.พัชรินทร์ เอสะตี หรือครูอุ้ม ครูโรงเรียนบ้านมะขามทานตะวัน ต.ตาเสา อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้โพสต์คลิปลงในโซเชียล เล่าเรื่องราวของ ด.ญ.สุธีมนต์ จินดาศรี หรือน้องเตย อายุ 4 ขวบ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 แต่หัวใจสุดแกร่งช่วยทำงานบ้านเกือบทุกอย่าง และดูแลนางเสา จินดาศรี อายุ 68 ปี ซึ่งเป็นย่าที่พิการตาบอดทั้งสองข้างตามลำพัง หลังจากครูได้ลงไปเยี่ยมบ้านเห็นสภาพสองย่าหลานใช้ชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก เวลาไปโรงเรียนย่าก็จะใช้ไม้เท้าคลำทางจูงมือหลานไปส่งโดยหลานจะเป็นคนคอยบอกทางระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร อาหารการกินก็อาศัยเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท และเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท เนื่องจากลูกไปทำงานต่างจังหวัดไม่ได้ส่งเสีย
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านย่าหลานอีกครั้ง เพื่อสอบถามกรณีที่ลูกชายออกมาโต้ว่าไม่ได้ทอดทิ้งลูกสาวให้ย่าเลี้ยงตามที่เป็นข่าว จากการสอบถามนางเสา จินดาศรี ย่าน้องเตย ก็ยังยืนยันว่าสิ่งที่พูดไปก่อนหน้านี้เป็นความจริงทุกอย่าง แต่ในเมื่อลูกชายเขายืนยันว่าแม่หลงลืมไปเอง ทั้งเรื่องที่เลี้ยงหลานตั้งแต่ 8 วัน ซื้อของมาให้ลูก และรับลูกไปเที่ยวด้วย ในเมื่อลูกเขายืนยันแบบนั้นแม่ไม่อยากจะมีปัญหากับลูก แม่จึงขอเป็นฝ่ายที่ยอมรับเองว่าแม่คงลืมและขอโทษลูกด้วยถ้าแม่ทำให้เข้าใจผิด ซึ่งตอนนี้ปรับความเข้าใจกันแล้ว และไม่อยากให้ข่าวอะไรอีก เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาในครอบครัว ที่ผ่านมาก็เครียดจนนอนไม่หลับ
ส่วนยอดเงินบริจาคล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้พาไปปรับสมุดบัญชีที่ธนาคาร แต่ตนเองมองไม่เห็น มีเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามียอดบริจาคช่วยเหลือมากว่า 5,900,000 บาทแล้ว ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือตนเองกับหลาน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังแจ้งด้วยว่าเงินดังกล่าวได้มีการทำบันทึกว่าจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้หลาน 4 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1.9 ล้านบาทเป็นส่วนของย่าไว้ดำเนินชีวิตและซ่อมแซมบ้าน ซึ่งการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านอยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐ