ลำพูน - หนุ่มแม่ทาอายชาวบ้าน..เมียพนักงานโรงงานย่านนิคมอุตสาหกรรมติดหนี้แก๊งเงินกู้ร้อยละยี่สิบ จนโดนบุกทวงหนี้ทุกวัน ทะเลาะกันรุนแรง ตร.ช่วยหย่าศึกแล้ว ยังเครียดดื่มเหล้าเมาเผาบ้านประชด ขณะที่พ่อแม่น้ำตาตกขอร้องตำรวจไม่เอาผิดลูกชาย
วันนี้ (15 มิ.ย. 66) พ.ต.ท.ชัชวาล ยอดอ้าย สารวัตรสอบสวนเวร สภ.แม่ทา จ.ลำพูน ได้รับแจ้งมีเหตุชายเมาคลุ้มคลั่ง เผาบ้าน ที่ซอย 10 หมู่ที่ 1 ต.ทาสบเส้า จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับ แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยรถดับเพลิงเทศบาลตำบลทาสบเส้า รถดับเพลิงเทศบาลทาสบชัย จำนวน 3 คัน
ที่เกิดเหตุไฟกำลังลุกไหม้บ้านไม้สองชั้น เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยเพื่อนบ้านจึงช่วยกันดับไฟ นานกว่า 30 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด แต่ไฟได้ไหม้บ้านเสียหายหมดทั้งหลัง มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าประมาณ 2-3 แสนบาท
ส่วนสาเหตุนั้นจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายหล้า (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง) ซึ่งเป็นลูกชายของเจ้าของบ้าน เกิดอาการเครียดเนื่องจากดื่มสุราจนเมาไม่ได้สติ เพราะทะเลาะกับเมีย ซึ่งในช่วงสายวันเดียวกันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้รับแจ้งเหตุสามีภรรยาทะเลาะวิวาทกันและได้มาแยกทั้งคู่ออกจากกันแล้ว แต่เนื่องจากความเครียดจึงก่อเหตุดังกล่าว
สอบถามชาวบ้านทราบว่าเมียนายหล้าผู้ก่อเหตุชื่อกิ๊ก ทำงานเป็นพนักงานโรงงานเขตนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ แต่ได้ก่อหนี้สินไว้จำนวนมาก โดยได้ไปกู้เงินจากแก๊งหมวกกันน็อกหรือแก๊งเงินกู้นอกระบบ หลายรายรวมเป็นเงินหลายหมื่นบาท และนายหล้าเคยใช้หนี้ให้ไปจำนวนหนึ่ง แต่ฝ่ายเมียก็ยังกู้เงินไม่หยุด ซึ่งก็ไม่ทราบว่านำเงินไปทำอะไร ทุกวันจะมีกลุ่มนายทุนเงินกู้จำนวนหลายรายบุกมาทวงเงินถึงหน้าบ้าน ทำให้นายหล้าได้รับความอับอายเพื่อนบ้านและเพื่อนๆ จึงเกิดความเครียด
กระทั่งวันนี้นายหล้าจึงไปดื่มเหล้าจนเมามายแล้วทะเลาะกับเมีย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจต้องมาห้ามปราม แต่ด้วยความเมานายหล้าจึงขับรถมาที่บ้านพ่อแม่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านตนเอง แล้วก่อเหตุจุดไฟบริเวณด้านล่างของบ้านพ่อแม่ตัวเอง เพื่อเป็นการประชดเมียและระบายความเครียด แต่เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวเป็นไม้สัก ทำให้เกิดไฟไหม้ลุกลามจนเป็นเหตุให้ไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลังดังกล่าว
ขณะที่นายประเสริฐ และภรรยา ซึ่งเป็นพ่อแม่ของนายหล้าผู้ก่อเหตุ ถึงกับร่ำไห้หลั่งน้ำตายกมือไหว้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอร้องอย่าเอาผิดหรือจับกุมลูกชาย เพราะตนเองเข้าใจหัวอกลูกชายดี ที่ทำไปเพราะเครียดเท่านั้น ไม่ต้องการเอาเรื่อง
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงไปว่าทุกอย่างเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ขอควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพักก่อน แล้วค่อยหาทางออกร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ซึ่งทางพ่อแม่และญาติพี่น้องรวมถึงชาวบ้านเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่จึงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป