ลำพูน - ตำรวจตามรวบแล้ว..หนุ่ม รปภ.โรงงานนิคมฯ ลำพูนอ้างเป็นลูกน้องนายตำรวจสืบสวน เดินสายเบ่งกินฟรี-เก็บส่วย เจอเจ้าของร้านลาบแจ้งจับ ถูกแจ้งสองข้อหาทั้งมาตรา 145 และมาตรา 337
วันนี้ (12 มิ.ย. 66) พ.ต.ท.บวรรัชฎะ มายะลา สารวัตรสอบสวน สภ.นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จ.ลำพูน ได้เรียกตัวนายพิเชฏฐ์ สินธุติ๊บ หรือเอก อายุ 41 ปี มารับทราบข้อกล่าวหา ตามมาตรา 145 ฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
และมาตรา 337 ข้อหา ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยข่มขู่ว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
การจับกุมผู้ต้องหารายนี้มีขึ้นหลังจากผู้เสียหายเป็นเจ้าของร้านลาบ 2 แห่ง ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อชายหัวเกรียนอ้างเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบลูกน้องนายตำรวจชุดสืบสวนมีพฤติกรรมตระเวนไปตามร้านอาหารต่างๆ ย่านนิคมอุตสาหกรรม และเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองหรือส่วย ให้นายตำรวจโดยกล่าวอ้างว่าเป็นลูกน้อง “ดาบฯ นุ” อีกด้วย
ต่อมา พล.ต.ต.บุณยวัต เกิดกล่ำ ผบก.ภ.จว.ลำพูน ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.นิคมอุตสาหกรรม จ.ลำพูน ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบ ดำเนินการสืบสวน ตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ทราบชายที่มีลักษณะดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีชายหัวเกรียนเดินสายเก็บส่วยเรียกรับเงินจริง แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ทำงานเป็นยามในโรงงานย่านนิคมอุตสาหกรรมไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้ประกอบการในเขตนิคมฯ ให้ข้อมูลว่ามีการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจริง และจากการสืบสวนทราบว่าชายคนดังกล่าว ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือทหาร หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่อย่างใด เป็นเพียงผู้ที่ชอบแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5, เจ้าหน้าที่ปกครอง และบางครั้งจะอ้างว่าเป็นลูกน้องของนายตำรวจระดับใหญ่ของภาค 5 เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินจากร้านอาหาร
ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อ-นามสกุลจริงของผู้แอบอ้างแล้ว ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่เคยถูกเรียกผลประโชน์เบ่งกินฟรี ขู่บังคับให้ใส่ซองงานบุญ และถูกแอบอ้างอ้างเก็บส่วยให้ผู้หลักผู้ใหญ่ เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนฯ และได้มีผู้ประกอบการร้านอาหารฯ 2 ราย ได้เข้าแจ้งความ กับ พ.ต.ท.บวรรชฏ มายะลา สว.สอบสวน สภ.นิคมอุตสาหกรรม ลำพูน ดังกล่าว
ทั้งนี้ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ทุกข้อกล่าวหาว่าไม่ได้แอบอ้างเป็นตำรวจ เพียงแต่เข้าไปใช้บริการจริงและก็จ่ายเงินทุกครั้ง มีเพียงร้านลาบลุงชัยเท่านั้นที่ไปกินลาบและเครื่องดื่มรวมเป็นเงิน 1,400 บาท และร้านลาบขาวผ่องหลังตลาดจาวเหนือ เป็นเงินจำนวน 399 บาท แล้วไม่ได้จ่าย
อย่างไรก็ตาม หลังการสอบสวนผู้ต้องหามีความประสงค์จะเดินทางไปกราบขอโทษผู้ประกอบการ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำรถไปส่งให้ตามความประสงค์ก่อนจะปล่อยตัวไปเพื่อนัดให้ไปขึ้นศาลตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป