น่าน - เกลี้ยงสต๊อกกันเป็นแถว ทั้ง “ล่องน่าน ไทพวน กระซิบรัก เหม๊าะ” เหล้าชุมชนพื้นถิ่นเมืองน่าน ที่ผสานภูมิปัญญาพื้นบ้านกับอัตลักษณ์ชนเผ่าใส่ขวด ขายดิบขายดีรับ “สุราก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล” หวังรัฐบาลใหม่สนับสนุนจริงจัง ปลดล็อกข้อจำกัด ยกระดับภูมิปัญญาสุราพื้นบ้านเป็นซอฟต์เพาเวอร์
สุราก้าวหน้า ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาพูดเรื่องสุรากลั่นชุมชนและสุราพื้นบ้าน จนเป็นกระแสในขณะนี้ ส่งผลให้สุรากลั่นชุมชน และสุราพื้นบ้านที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องหลากยี่ห้อในจังหวัดน่าน เช่น ล่องน่าน, ไทพวน, กระซิบรัก และเหม๊าะ มีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากจนผลิตไม่ทัน ต้องปรับการขายเป็นพรีออเดอร์ ก่อนทยอยส่งให้ลูกค้าตามคิว
นายชลธี ทำทิพย์ เจ้าของสุราท้องถิ่น ยี่ห้อ ล่องน่าน เปิดเผยว่า แม้แบรนด์ล่องน่านจะไม่ได้ถูกกล่าวถึงโดยตรง แต่ก็ได้รับผลดีไปด้วย ตอนนี้มีลูกค้าให้ความสนใจสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก จนสินค้าในสต๊อกหมดเกลี้ยง ต้องปรับเป็นรับแบบพรีออเดอร์ แล้วทยอยส่งให้ลูกค้าตามคิว ทั้งนี้ หวังว่ารัฐบาลใหม่จะสนับสนุนสุราท้องถิ่นจริงจัง และยกระดับสุราท้องถิ่นให้เป็นที่ยอมรับในทุกชนชั้น พร้อมกับได้เปิดตลาดในต่างประเทศด้วย
เช่นเดียวกับเหล้าพื้นถิ่นยี่ห้อ “กระซิบรัก” พัทธนันท์ โชติกรฐิติภัสร์ เจ้าของบอกว่า ขายดีมากที่สุดตั้งแต่ขายมา ต้องขอขอบคุณ “พิธา” ที่ช่วยปลุกกระแสให้สินค้าชุมชนอย่างสุราท้องถิ่นได้มีโอกาสทางการตลาด ได้มีที่ยืนในตลาด ได้ลืมตาอ้าปาก
ทั้งนี้ สุราท้องถิ่นในจังหวัดน่าน ส่วนใหญ่มาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ใช้สูตรดั้งเดิมที่มีวัตถุดิบจากข้าวและลูกแป้ง ส่วนรสชาติจะแตกต่างกันไปก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละยี่ห้อ ซึ่งเชื่อว่าหากสุราท้องถิ่นได้มีโอกาสทางการตลาดจะช่วยสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้ดีขึ้น
ขณะที่ นายจิตติ บุบผา เจ้าของสุราท้องถิ่นยี่ห้อ “ไทพวน” ซึ่งนำภูมิปัญญาทำสุราท้องถิ่นมารวมกับอัตลักษณ์ความเป็นชาติพันธุ์ไทพวน ไว้ในขวดจนได้รับความนิยม ยังคงยืนยันว่าแม้จะขายดีจนผลิตไม่ทัน ลูกค้าได้สินค้าช้าหน่อย แต่มั่นใจได้ในคุณภาพ และรสชาติ
และ นิดา ธรรมดูล เจ้าของยี่ห้อ “เหม๊าะ” และไวน์เนอรี บอกว่า ขณะนี้ขายดีเฉลี่ยวันละกว่า 100 ขวด ซึ่งทำให้มีกำลังใจที่จะพัฒนาสินค้าขึ้นไปอีก เตรียมออกแบบขวดบรรจุแพกเกจให้มีความทันสมัย ถูกใจลูกค้าหลากหลายกลุ่ม รวมทั้งรองรับการท่องเที่ยวด้วย
สำหรับจังหวัดน่าน มีโรงต้มเหล้าชุมชนที่ถูกกฎหมาย จำนวน 171 โรง กำลังการผลิตโดยเฉลี่ย 50 ลิตรต่อวันต่อโรง แต่ละโรงมีสูตรการหมักบ่มและกลั่นด้วยภูมิปัญญาแตกต่างกัน คุณภาพเหล้าจึงขึ้นอยู่กับวิธีการของแต่ละยี่ห้อ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระแสสุราก้าวหน้าจะส่งผลให้สุราท้องถิ่นขายดี แต่หลายคนก็ยังวิตกว่าจะเป็นเพียงกระแส อยากฝากให้รัฐบาลสนับสนุนจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องกฎหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเรื่อง พ.ร.บ. คือเรื่องของการห้ามโฆษณาตาม ม.32 และข้อจำกัดของกฎหมาย เช่น เรื่องกำลังการผลิต ขนาดแรงม้าของเครื่องจักรในโรงกลั่น การผลิตคราฟต์เบียร์หรือสุราสี ก็ควรปรับลิมิตในการผลิตให้ต่ำลง เพื่อให้โรงผลิตระดับชุมชนสามารถขออนุญาตผลิตได้
สำหรับสุราสี กฎหมายได้เขียนไว้ว่ากำลังผลิตต้อง 30,000 ลิตร หรือ 90,000 ลิตร ต่อวัน หากกฎหมายใหม่จะเกิดขึ้นก็ต้องปรับระดับปริมาณการผลิตให้ต่ำลง ซึ่งกฎหมายเหล่านี้เป็นข้อจำกัดไม่ให้สุราชุมชนเติบโตไปได้