xs
xsm
sm
md
lg

“ตำรวจไซเบอร์เชียงใหม่” บุกรวบเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดของกลางนับร้อยคาบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ตำรวจไซเบอร์เชียงใหม่นำหมายศาลฯ บุกจับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์คาบ้าน..พบเปิดพื้นที่ให้นายทุนแก๊งตุ๋นตั้ง SIM Box กระจายสัญญาณ บัญชีม้าอีกกว่าร้อย มือถือกว่า 20 เครื่อง โยงขบวนการในพื้นที่ชัยภูมิ-นครปฐมซ้ำอีก


วันนี้ (2 มิ.ย. 66) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 และ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ พร้อมของกลางนับร้อยรายการ

โดยการจับกุมครั้งนี้มีขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ศปอส.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้รับการร้องทุกข์ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ติดต่อผู้ร้องเรียน โดยใช้โทรศัพท์มือถือหมายเลข 06-2143-2569 โทร.เข้ามาและข่มขู่ให้เกิดความตกใจกลัว จึงได้มาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามสืบสวนตามเบาะแสและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

จากการสืบสวนทางเทคนิคพบว่าหมายเลขโทรศัพท์ 06-2143-2569 มีพิกัดการใช้บริเวณบ้านแห่งหนึ่งใน ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องและขออนุมัติศาลจังหวัดเชียงใหม่ออกหมายค้น ซึ่งศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติหมายค้น ตามหมายค้นที่ ค.218/2566 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2566

ผลการตรวจค้นพบ 1. กล่อง SIM BOX กระจายสัญญาณ จำนวน 5 กล่อง 2. บัญชีธนาคารผู้อื่น จำนวนกว่า 100 บัญชี 3. โทรศัพท์มือถือ จำนวนกว่า 20 เครื่อง และสามารถจับกุม นายอลงกรณ์ (สงวนนามสกุล) และ น.ส.วาสนา (สงวนนามสกุล) ได้ในบ้านหลังดังกล่าว

พล.ต.ท.ปิยะได้กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การว่าได้ร่วมกันปล่อยเช่าพื้นที่ในห้องพักสำหรับวางกล่อง SIM BOX ให้แก่นายฟิน (ไม่ทราบชื่อ สกุลจริง) โดยผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นชายชาวมาเลเซีย แลกค่าตอบแทนเดือนละ 5,000 บาท และร่วมกันจัดหาบัญชีธนาคารและนำออกจำหน่ายหรือปล่อยเช่าแก่ลูกค้า

ซึ่งพฤติการณ์และการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “ร่วมกันมี ใช้ นำเข้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมหรือส่วนใดๆ หรือตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวด้วยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

ทั้งนี้ ในการสืบสวนพบว่าการกระทำดังกล่าวเชื่อมโยงข้อมูลการกระทำผิดในจังหวัดชัยภูมิและนครปฐม ซึ่งได้ประสานกับตำรวจภูธรภาค 3 และ 7 ทำการขยายผล ส่วนนายทุนในคดีนี้ก็ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไว้ส่วนหนึ่งแล้วเช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น