นครราชสีมา - “มาลองกัญ” ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังเมืองโคราช เชื่อไม่กระทบผลักดันกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เหตุไม่ได้ใช้ช่อดอกเป็นวัตถุดิบ แนะรัฐบาลใหม่ควรจำกัดยาเสพติดเฉพาะช่อดอกเป็นพืชเสพติด และใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้น ไม่ควรเหมารวมราก ใบ ลำต้น
หลังจากพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประกาศนโยบายความร่วมมือของ 8 พรรคการเมือง ที่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าจะนำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ ผ่านการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยมีกฎหมายควบคุมและรองรับการใช้ประโยชน์จากกัญชา ที่ผ่านมามีการลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการใช้กัญชาเป็นวัตถุดิบ ซึ่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมามีร้านก๋วยเตี๋ยวที่ใช้กัญชาเป็นวัตถุดิบ คือร้าน “มาลองกัญ” ซึ่งเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวกัญชาชื่อดังแห่งเมืองโคราช มีอยู่ทั้งหมด 3 สาขาในเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
นายกันต์พงษ์ สุรเนตรธีร์ หรือเฮียแป๊ะ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว “มาลองกัญ” ให้สัมภาษณ์ว่า ทางร้านได้นำส่วนประกอบของพืชกัญชามาใช้ประกอบอาหารตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งตอนนั้นยังไม่ปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด แต่ก็เปิดช่องให้สามารถนำราก ใบ ลำต้นมาใช้ประโยชน์ได้ ยกเว้นช่อดอก เพราะการนำช่อดอกมาใช้จะควบคุมได้ยาก เนื่องจากช่อดอกจะมีสาร THC ที่ก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ แต่จะเหมาะสำหรับนำมาใช้ทางการแพทย์เพื่อรักษาผู้ป่วยอาการโคม่า เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เพื่อให้ความเจ็บปวดสงบลง
ดังนั้น การใช้ช่อดอกจึงต้องขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ ส่วนผู้ป่วยจะต้องมีใบรับรองจากแพทย์เท่านั้น จนกระทั่งมีการประกาศปลดล็อกกัญชาในเวลาต่อมา ก็ไม่ได้เปิดช่องให้นำช่อดอกมาใช้เพื่อการสันทนาการ เพราะไม่ใช่การรักษาโรค แต่กลับพบคนบางกลุ่มเท่านั้นที่อาศัยช่องว่างกฎหมาย นำช่อดอกมาจำหน่ายหาผลประโยชน์และใช้เพื่อสันทนาการ
ส่วนการที่รัฐบาลใหม่จะปลดล็อกหรือจะผลักดันกลับไปเป็นพืชเสพติดเหมือนเดิม ทางร้านของตนไม่ได้รับผลกระทบเพราะไม่ได้นำช่อดอกมาใช้อยู่แล้ว อีกทั้งวัตถุดิบกัญชาที่ร้านซื้อมาก็ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีใบอนุญาตถูกต้อง และเป็นกัญชาจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเสมา อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นเครือข่ายของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมาที่ปลูกกัญชาเป็นโรงเรือนขนาดใหญ่ มีที่มาที่ไปที่ถูกต้อง ตนจึงซื้อวัตถุดิบมาปรุงในก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น จนมีลูกค้าติดอกติดใจอุดหนุนกันอย่างต่อเนื่อง
หากประชาชนทั่วไปจะนำกัญชามาใช้เป็นพืชสมุนไพร ก็สามารถนำราก ใบ ลำต้น มาใช้ได้ แต่จะต้องเป็นกัญชาที่มีที่มาที่ไปถูกต้องตามกฎหมายด้วย เพราะกัญชาเป็นพืชไวต่อโลหะหนักที่เป็นสารก่อมะเร็ง ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบดิน-น้ำที่นำมาใช้ปลูกด้วย และยังมีขั้นตอนอีกหลายอย่างที่ยุ่งยาก ซึ่งถ้าชาวบ้านนำมาปลูกกันเอง โดยไม่มีการตรวจสอบหรือควบคุมอย่างถูกต้อง แทนที่จะได้ประโยชน์ จะกลายเป็นโทษ
นายกันต์พงษ์กล่าวต่อว่า หากผลักดันกัญชาให้กลับไปเป็นพืชเสพติดอีก ข้อดีที่เห็นชัดคือการนำกัญชามาใช้เพื่อสันทนาการจะหายไป แต่ทั้งนี้ตนอยากจะให้ผลักดันช่อดอกกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดน่าจะดีกว่า เพราะช่อดอกจะมีสาร THC ที่ทำให้เกิดอาการมึนเมา อาการไม่พึงประสงค์ มีอันตราย และจะเกิดผลข้างเคียงในการใช้ด้วย โดยจะต้องขออนุญาตเป็นการเฉพาะเพื่อควบคุมการนำมาใช้
ตนอยากให้โฟกัสกำหนดเฉพาะช่อดอก ไม่ควรรวมการใช้ประโยชน์จากราก ใบ ลำต้น รวมถึงเรื่องการนำช่อดอกมาใช้เพื่อการแพทย์ก็ต้องระบุข้อบังคับให้ชัดเจน ซึ่งหากรัฐบาลใหม่จะเริ่มขับเคลื่อนผลักดันกัญชากลับไปเป็นพืชเสพติด ก็อยากให้พิจารณาในมุมที่ตนกล่าวถึงนี้ด้วย ส่วนการจะลงมาตรวจสอบควบคุมให้เข้มข้นขึ้น ตนไม่รู้สึกกังวลอะไร พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะทางร้านนำกัญชามาใช้อย่างถูกต้องภายใต้กรอบของกฎหมายอยู่แล้ว