xs
xsm
sm
md
lg

แฉเพิ่ม!หนุ่มเบนซ์กร่างเชียงใหม่พกปืนเข้าโรงพยาบาลถ่ายคลิปโพสต์โชว์-พบยังตามข่มขู่คู่กรณีจะเอาถึงตาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - โซเชียลแฉเพิ่ม!หนุ่มขับเบนซ์สุดกร่างหลานนักการเมืองดังเชียงใหม่ พกปืนเข้าโรงพยาบาลถ่ายคลิปโพสต์อวด แถมยังไม่สลดตามข่มขู่คู่กรณีไม่เลิกหลังได้รับการประกันตัว ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังยอมรับเป็นสถานที่ตามที่ปรากฏในคลิปจริง แต่ไม่ทราบว่าเป็นเมื่อใดและเข้ามาได้อย่างไร เตรียมเร่งตรวจสอบดำเนินการ ขณะที่แพทย์พยาบาลผวา หลังพบผู้ชายลักษณะคล้ายกันเข้าออกเป็นประจำ หวั่นเกิดเหตุไม่คาดฝัน


ความคืบหน้าคดีที่นายสิทธิพัฒน์ จิตรนวเสถียร อายุ 25 ปี ซึ่งมีนามสกุลเดียวกับนักการเมืองชื่อดังในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์ปาดหน้าขวางรถยนต์ของคู่กรณีแล้วนำอาวุธปืนออกมาข่มขู่บนถนนเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด ขาเข้าเมือง บริเวณสี่แยกศาลเด็ก ในตัวเมืองเชียงใหม่ เหตุเกิดช่วงค่ำวันที่ 15 พ.ค.66 ซึ่งต่อมาวันที่18 พ.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายสิทธิพัฒน์ พบอาวุธปืนจำนวน 13 กระบอก และวันเดียวกันทางครอบครัวได้พานายสิทธิพัฒน์ เข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรแม่ปิง พร้อมถูกแจ้งดำเนินคดี 2 ข้อหา และได้รับการประกันตัวโดยผู้ต้องหายอมรับผิดและอ้างว่าก่อเหตุเนื่องจากไม่พอใจที่กรณีแบบแตรเสียงดังใส่ รวมทั้งหวาดกลัวว่าจะถูกทำร้าย ซึ่งรู้สึกสำนึกผิดและอยากขอโทษสังคม อย่างไรก็ตามปรากฏว่าจากนั้นมีผู้เสียหายเพิ่มอีกรายหนึ่ง ระบุว่าถูกกระทำลักษณะคล้ายกันเมื่อวันที่ 4 พ.ค.66 และเห็นจากภาพข่าวเชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนเดียวกัน จึงนำหลักฐานเป็นภาพคลิปจากกล้องหน้ารถเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายสิทธิพัฒน์

วันนี้(19 พ.ค.66) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า บัญชีทวิตเตอร์ “Red Skull” โพสต์ข้อความระบุว่า “ล่าสุดคือพกปืนกับเครื่องกระสุนถ่ายคลิปหน้าห้องฉุกเฉินเลย ไม่ได้เกรงกลัวกฎหมายเพราะญาติพี่น้องกูใหญ่ ข้อมูลล่าสุดคือมันเป็นหลานอดีตนักการเมืองดังของเชียงใหม่แต่หลังๆสอบตกทุกสนามเลยไปทำกิจกรรมสาธารณะเพิ่มความนิยม แต่ดูสภาพหลานเหี้ยๆแบบนี้ ลงการเมืองอีกกี่รอบก็แพ้แน่นอน #โหนกระเเส” พร้อมคลิปวิดีโอจากบัญชีโซเชียลมีเดียส่วนตัวของนายสิทธิพัฒน์ เป็นภาพชายสวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้าและโชว์อาวุธปืนที่เหน็บอยู่ชายกางเกง นั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินภายในโรงพยาบาล ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก รวมทั้งมีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่านายสิทธิพัฒน์ ได้รับการประกันตัวแล้ว และมีพฤติการณ์คล้ายข่มขู่คู่กรณีด้วยการโพสต์ภาพอาวุธปืน พร้อมข้อความว่า “สุดท้ายหนีไปหาตำรวจ ตำรวจฝั่งกูจบนะ กูบอกตำรวจว่าถ้ามันจะเอากูเข้าคุกอ่ะกูจะยิงมึงลงหลุมก่อนแล้วกูจะค่อยเข้าไม่งั้นกูไม่เข้าฟรีหรอก (ปืนไรอยู่ครบ) ไอ่กากเอ้ยหนีอย่างหมาละมาหาเรื่องกูก่อน” ซึ่งยิ่งก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และตั้งข้อสังเกตว่าพฤติการณ์แบบนี้ถือเป็นบุคคลอันตรายที่เป็นภัยสังคมหรือไม่ และตำรวจสมควรต้องบังคับใช้กฎหมายให้เด็ดขาดหรือไม่


โดยจากการสอบถามพลตำรวจตรีธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เหตุที่ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหารายนี้ไปเพราะเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามอบตัวเอง และรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ส่วนกรณีที่เมื่อช่วงค่ำวานนี้มีผู้เข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมตอนนี้ได้รวบรวบหลักฐานเพื่อเตรียมที่จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแล้วขณะเดียวกันในส่วนของคลิปภาพล่าสุดที่พบว่ามีการพกอาวุธปืนเข้าไปในโรงพยาบาลนั้น ได้ประสานกับทางโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบว่าเหตุเกิดขึ้นเมื่อใด และหากมีหลักฐานให้ทางโรงพยาบาลเข้าแจ้งความเพิ่มเติม ส่วนพฤติกรรมข่มขู่ผู้เสียหายเพิ่มเติมนั้นมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่สำนึกผิดของผู้ต้องหา หลังจากนี้หากผู้ใดที่เคยถูกผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุและได้รับผลกระทบ ขอให้เข้ามาแจ้งความกับตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ หรือมาแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจภูธรแม่ปิง เพื่อที่ดำเนินคดีเอาผิดเพิ่มเติมได้

สำหรับโรงพยาบาลเอกชนที่ปรากฏตามคลิปที่นายสิทธิพัฒน์ สวมหมวกไอ้โม่งและโชว์อาวุธปืนหน้าห้องฉุกเฉินนั้น รายงานข่าวแจ้งว่าจากการตรวจสอบพบว่าเป็นโรงพยาบาลลานนา ซึ่งจากการสอบถามแหล่งข่าวที่น่าเชื่อได้ในโรงพยาบาล ยอมรับว่า เหตุการณ์ตามคลิปดังกล่าวที่ผู้ชายสวมหมวกไอ้โม่งพกอาวุธปืนนั้น เป็นโรงพยาบาลลานนาจริงๆ อย่างไรก็ตามไม่ทราบว่าผู้ชายคนดังกล่าวเข้ามาเมื่อใดและพกอาวุธปืนเข้ามาได้อย่างไร ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและจะพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้การพกพาอาวุธเข้าในพื้นที่ของโรงพยาบาล ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน

ขณะที่นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลลานนาคนหนึ่ง เปิดเผยว่า จากคลิปดังกล่าวทำให้แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของโรงพยาบาลรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งและรู้หวาดกลัวความปลอดภัย เนื่องจากพบว่าผู้ชายที่พกอาวุธปืนเข้ามาในโรงพยาบาลตามที่ปรากฏในคลิปดังกล่าวนั้น มีลักษณะคล้ายผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาใช้บริการที่โรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง และมักจะชอบโวยวายเสียงดัง รวมทั้งแสดงพฤติกรรมไร้มารยาทอยู่เป็นประจำ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยทราบมาก่อนว่าผู้ชายคนดังกล่าวพกพาอาวุธปืนเข้ามาด้วยหรือไม่ ซึ่งหากเป็นผู้ชายคนเดียวกันยอมรับว่ารู้หวาดกลัวมาก และหวั่นเกรงว่าวันใดวันหนึ่งอาจจะเกิดเหตุสูญเสียที่ไม่คาดฝันขึ้นได้








กำลังโหลดความคิดเห็น