ศูนย์ข่าวศรีราชา - เดือด! ตำรวจภาค 2 ออกหนังสือแจงดำเนินคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ที่ สภ.แสนสุข ออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้อง 21 คน และมี 2 คนเอี่ยวพรรคเพื่อไทยชลบุรี เป็นการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ โปร่งใส ตรวจสอบได้ หลัง "เสี่ยแป๊ะ-สนธยา" โพสต์เฟซบุ๊กร้อง สตช. หวั่นเอื้อการเมือง
จากกรณีที่ นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าทีมเพื่อไทย ชลบุรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กร้อง สตช.ให้ตรวจสอบการทำงานของตำรวจชลบุรี กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แสนสุข ออกหมายเรียก นายภาสกร หอมหวล บิดาของ ส.จ.แอ้ ผู้สมัคร ส.ส.เขต1 และนายฉัตรชัย อั้งลิ้ม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย ชลบุรี ให้เข้าพบพนักงานสอบสวน โดยอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ AMB4568
และเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตรวจสอบการดำเนินงานของตำรวจในพื้นที่ว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ หรือเป็นการเลือกปฏิบัติกับพรรคเพื่อไทย เพื่อหวังผลทางการเมืองในช่วงการเลือกตั้ง
หลัง สภ.แสนสุข ได้ยื่นเรื่องต่อศาลจังหวัดชลบุรี เพื่อขอออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันดังกล่าว จำนวน 21 คน แต่ปรากฏว่าส่วนหนึ่งไม่มีหลักฐานเพียงพอ ศาลชลบุรีจึงไม่อนุมัติ โดยเฉพาะกรณีของ นายภาสกร หอมหวล บิดาผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคเพื่อไทย และนายฉัตรชัย อั้งลิ้ม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย แต่ทางตำรวจกลับมีหมายเรียกให้เข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมตีข่าวเผยแพร่ทางสื่อมวลชนจนเกิดความเสียหาย
และยังระบุว่า กลุ่มนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม มีความพยายามในการใช้อำนาจตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐบีบบังคับหรือข่มขู่ให้กลุ่มผู้สนับสนุนเกิดความหวาดกลัว เพื่อหวังทำลายพรรคเพื่อไทยชลบุรีทุกวิถีทางมาโดยตลอดนับตั้งแต่เดือนเมษายน จนกระทั่งถึงวันนี้ที่ใช้อำนาจตำรวจออกหมายเรียกหวังดิสเครดิตและทำลายชื่อเสียง เพียงเพื่อต้องการชัยชนะทางการเมืองนั้น
วันนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานตำรวจตำรวจภูธรภาค 2 ได้ออกหนังสือยืนยันว่า คดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระทำไปตามอำนาจหน้าที่ ตามพยานหลักฐานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้หนึ่งผู้ใดเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งนี้ จะได้ทำการสอบสวนปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อสรุปสำนวนการสอบสวนตามกรอบระยะเวลาต่อไป
โดยในเนื้อหาระบุว่า "ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อออนไลน์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีขยายผลดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องกับการจับกุมเว็บพนัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่นนั้น
ตำรวจภูธรภาค 2 ขอยืนยันว่า ในคดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระทำไปตามอำนาจหน้าที่ ตามพยานหลักฐานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้หนึ่งผู้ใดเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งนี้ จะได้ทำการสอบสวนปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อสรุปสำนวนการสอบสวนตามกรอบระยะเวลาต่อไป