ศูนย์ข่าวขอนแก่น - มิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าของร้านขายโทรศัพท์มือถือ ที่ จ.ขอนแก่น ใช้อุบายหลอกเหยื่อได้สิทธิ์รับมือถือ แท็บเล็ตฟรี แต่ต้องจ่ายค่าประกันเครื่องและค่าส่ง เผยมีผู้หลงเชื่อนับร้อยราย ขณะที่เจ้าของร้านได้รับผลกระทบหนักลูกค้าออนไลน์หาย ขายของไม่ได้ เพราะไม่มั่นใจการซื้อขาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการร้องเรียนจากนางสาวปวรรัตน์ พลเสน อายุ 45 ปี เจ้าของร้านมายด์โฟน ร้านจำหน่าย รับซ่อมโทรศัพท์มือถือ ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น พร้อมนำหลักฐานบทสนทนาระหว่างมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นเจ้าของร้านมายด์โฟน หลอกผู้เสียหายว่าเป็นผู้โชคดีจากการจัดกิจกรรมทางร้านได้รับโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตฟรีจากทางร้าน แต่ผู้โชคดีจะต้องชำระค่าประกันเครื่องรวมถึงค่าขนส่ง ทำให้มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกว่า 100 ราย
นางสาวปวรรัตน์ พลเสน เจ้าของร้านมายด์โฟน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 ได้มีผู้เสียหายหลายรายทักข้อความมาทางเพจเฟซบุ๊กร้านมายด์โฟน และบางส่วนก็โทรศัพท์ตรงมาที่เบอร์ร้าน ระบุว่าได้ชำระค่าประกันเครื่องและค่าขนส่งแล้ว ทำไมยังไม่ได้รับสินค้าตามที่ตกลง ทำให้ตนเองตกใจมาก เพราะทางร้านไม่ทราบรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อสอบถามผู้เสียหายแล้วทราบว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “yew” ใช้รูปโปรไฟล์เป็นสาวสวย ทักข้อความมาหา
อ้างว่าเป็นผู้โชคดีได้รับโทรศัพท์มือถือราคาหลักหมื่นจากทางร้านฟรี แต่ต้องชำระค่าขนส่งเป็นเงิน 299 บาท โดยผู้เสียหายขอดูบัตรประชาชน มิจฉาชีพรายนี้ก็แสดงบัตรประชาชนชื่อนายณัฐวัฒน์ นามมัย อ้างว่าเป็นบัตรประชาชนน้องชาย ทำให้หลงเชื่อและตัดสินใจรับสินค้า เมื่อผู้เสียหายมีท่าทีคล้อยตาม มิจฉาชีพรายนี้ก็ออกอุบายอีกว่า การขนส่งสินค้าจะต้องมีค่าประกันสินค้าอีกรวมเป็นเงิน 900 บาท ผู้เสียหายก็ยินยอมโอนเงินให้จำนวน 900 บาท เข้าบัญชีธนาคารชื่อ นางสาววรภรณ์ อุมทิศ
จากนั้นผู้เสียหายได้แจ้งชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ เพื่อจัดส่งสินค้าให้มิจฉาชีพ กระทั่งเวลาล่วงเลยมาหลายวันก็ยังไม่ได้รับสินค้า จึงมั่นใจว่าถูกหลอกแน่ เมื่อผู้เสียหายโทร.ไปสอบถามก็ไม่สามารถติดต่อมิจฉาชีพรายนี้ได้ ทำให้ผู้เสียหายติดต่อเข้ามาที่เพจร้านมายด์โฟนวันละนับสิบราย ซึ่งถูกหลอกในลักษณะเดียวกันและมีบางรายยังถูกหลอกให้ร่วมทำบุญก็มี
ตนจึงได้ชี้แจงต่อผู้เสียหายว่า ทางร้านไม่มีนโยบายจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ กรณีซื้อขายทางออนไลน์ ทางร้านจะพูดคุยทางข้อความและทางโทรศัพท์ และก่อนซื้อขายจะวิดีโอคอลเพื่อยืนยันตัวตน เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจก่อนซื้อสินค้าทุกครั้ง
นางสาวปวรรัตน์กล่าวอีกว่า เมื่อได้ข้อมูลจากผู้เสียหาย จึงไปหาข้อมูลในโซเชียล พบว่ามิจฉาชีพรายนี้มีเฟซบุ๊กเป็นทั้งผู้ชายและผู้หญิงนับสิบบัญชี แต่สิ่งที่เหมือนกันคือโทรศัพท์มือถือที่มีอยู่ประมาณ 2-3 เบอร์ และเลขบัญชีธนาคารอีก 5 บัญชี และพบว่ายังมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกมิจฉาชีพรายนี้หลอก ตนจึงโทร.ไปยังเบอร์มือถือมิจฉาชีพเพื่อสอบถามข้อมูล มิจฉาชีพก็อ้างชื่อร้าน พิกัดร้าน ทุกอย่างตรงกับชื่อร้านตนเองทุกอย่าง
ก่อนที่ตนจะเฉลยว่าเป็นเจ้าของร้านตัวจริง มิจฉาชีพรายนี้ยังอ้างว่าชื่อคล้ายกันคนละร้านกัน ก่อนจะวางสายไป ตนจึงนำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ถึง 2 ครั้ง และตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 แต่คดีความไม่คืบหน้าและยังมีผู้ตกเป็นเหยื่อรายวัน ขณะที่ร้านมายด์โฟนเองก็ได้รับผลกระทบจากลูกค้าออนไลน์หายไป เพราะไม่มั่นใจในการซื้อขาย จึงอยากให้ตำรวจเร่งนำตัวมิจฉาชีพรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อไม่ให้ก่อเหตุในลักษณะนี้อีก