"สนธิรัตน์" ชูลุงป้อมมีบารมีสูงสุด เชื่อมโยงพรรคการเมืองได้ทุกพรรค

กาญจนบุรี - "สนธิรัตน์" ชูลุงป้อมมีบารมีสูงสุด เชื่อมโยงพรรคการเมืองได้ทุกพรรค ป้องกันการตีกัน เหมือน 16 ปีที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 3 พ.ค. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ หรือ ส จ.ชูเกียรติ ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ เขต 2 เบอร์ 3 หาเสียงที่เวทีปราศรัยบริเวณสนามกีฬาเทศบาลตำบลท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี โดยมี พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อขึ้นเวทีร่วมกล่าวปราศรัย ประกอบด้วย พล.อ.ภพอนันต์ เหลืองภานุวัฒน์ อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการกระทรวงกลาโหม พล.ต.ต.จาตุรงค์ ภุมรินทร์ อดีตรอง ผบช.ก.สายตรงบ้านป่ารอยต่อ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีต ผบช.ปส. ดร.ธีรชัย ชุติมันต์ ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐประจำจังหวัดกาญจนบุรี นายรังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ อดีตนายก อบจ.กาญจนบุรี ร่วมให้กำลังใจ มีพ่อแม่พี่น้องประชาชนเขต 2 และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 5,000 คน มาร่วมฟังการปราศรัย และรับฟังนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ

ทั้งนี้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง กล่าวปราศรัยว่า พี่น้องประชาชนที่มาอยู่ตรงนี้มีความสำคัญต่ออนาคตประเทศ พี่น้องจะมองการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.ที่จะถึงนี้อาจจะมองว่าแค่ไปกาว่าจะเลือกใคร แต่พี่น้องรู้ไหมว่าพวกเราที่มานั่งที่นี่คือส่วนหนึ่งของคนที่จะกำหนดอนาคตประเทศไทย วันนี้ผมตั้งใจมาบอกพี่น้อง 1 เสียงของพี่น้องจะมีคุณค่าอย่างยิ่งต่ออนาคตลูกหลานของเรา

การเลือกตั้งครั้งนี้ หลังเลือกตั้งอาจจะยากในการจัดตั้งรัฐบาล หลังเลือกตั้งถ้าพี่น้องตัดสินใจไม่ดี บ้านเมืองของเรานั้นมีแนวโน้มว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะมีความยุ่งยาก พวกผมพรรคพลังประชารัฐมองเห็นปัญหาของบ้านเมืองกำลังรออยู่ พี่น้องรู้ไหมว่ามีพรรคการเมืองหนึ่งบอกว่าต้องแลนด์สไลด์คนเดียวเท่านั้น พรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่งบอกว่า ต้องเปลี่ยนให้หมดเอาคนเก่าออกไปให้หมด ให้เหลือแต่คนหนุ่มคนสาว ผมถามพี่น้องว่าถ้าพวกเราการเมืองเริ่มต้นแบบนี้หลังเลือกตั้งมันไม่ตีกันตายหรือครับพี่น้อง

เราไม่อยากเห็นลูกหลานเราต้องมาเดือดร้อน เราไม่อยากเห็นพวกเราต้องทำมาหากินลำบาก นโยบายหาดสียงก็หากันไป แต่ถ้าตีกันเมื่อไหร่ จำทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าพี่น้องไม่อยากให้ตีกัน วันนี้พรรคที่จะอาสาเข้ามาเป็นกาวใจให้คนสองข้างไม่ตีกันนั้นชื่อพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้ประกาศตัวมาหลายเดือนแล้วว่าเราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง พี่น้องบางคนไม่รู้เรื่องคิดว่าไอ้นี่หาเสียงเพียงแค่โก้ๆ นึกอยากจะพูดก็พูด อยากพูดก้าวข้ามความขัดแย้งใครก็พูดได้

ผมขอบอกพี่น้องว่านโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง คือหัวใจของพลังประชารัฐ ชาวพลังประชารัฐที่มาพบปะพี่น้องทั้งหมดมีหัวใจดวงเดียวกันว่า เราจะพาประเทศให้ออกจากความขัดแย้ง เราจะเป็นกาวใจ เราจะเป็นตัวเชื่อมโยง เราจะเป็นคนทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ เราอาสาทำหน้าที่นี้เราถึงตั้งใจมาเป็นตัวทางเลือกที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง และผมยืนยันว่ามีพรรคเดียวที่จะทำหน้าที่นี้ได้คือพรรคพลังประชารัฐ ถ้าพี่น้องจำและกาเบอร์ 37 บ้านเมืองจะราบรื่นหลังการเลือกตั้ง

ที่ผมพูดอย่างนี้พี่น้องอาจะมองว่าแล้วจะเป็นหลักประกันได้อย่างไร ใครมาหาเสียงก็บอกว่าตัวเองดี ใครมาหาเสียงก็บอกว่าตัวเองนั้นเด่น ผมขอบอกพี่น้องว่า ความมุ่งมั่นของชาวพลังประชารัฐจะสำเร็จไม่ได้ถ้าเราไม่มีหัวหน้าพรรค ถ้าเราไม่มีผู้นำพรรคชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ที่ผมพูดอย่างนี้เป็นเพราะว่าวันนี้ในการเมืองทุกพรรค ใครว่าที่นายกรัฐมนตรีที่สามารถเชื่อมโยงกับทุกคนได้มากที่สุด ใครคือว่าที่นายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง มีบารมีสูงสุดที่จะพูดคุยกับทุกพรรคการเมือง ใครเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีที่มีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดินยาวนานที่สุด ใครเป็นนายกรัฐมนตรีที่ทุกฝ่ายเชื่อถือมากที่สุด คนนั้นคือลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ที่ผมพูดอย่างนี้ ไม่ใช่ผมเป็นคนพูดเอง วงการนักวิเคราะห์การเมือง วงการสื่อมวลชนเขาวิเคราะห์ว่า คนที่มีบารมีสูงสุดในการที่จะเชื่อมโยงทุกพรรคการเมืองให้ประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้ พาบ้านเมืองไปได้ มีอยู่แค่คนเดียวที่มีพลังมากที่สุดคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

การมาของผมในวันนี้เพื่อขอคะแนนให้ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 และอยากให้ไปบอกญาติพี่น้องที่อยู่เขต 1 เขต 3 เขต 4 และเขต 5 ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่กากบาทพรรคอะไรก็ได้ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เขาให้ไปเลือกก็ไปกากบาทตามที่เขาบอก แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ถ้าพี่น้องตัดสินใจผิด เลือกพรรคผิด เลือกคนผิด บ้านเมืองจะกลับไปสู่การต่อสู้เหมือนอดีตเมื่อ 16 ปีที่ผ่านมา วันนี้ผมตั้งใจมาพบพี่น้องชาวเมืองกาญจนบุรี และเขต 2 เพราะอยากจะขอความไว้วางใจจากพี่น้องให้ตัดสินใจในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เข้าคูหา บัตรสีเขียว กาเบอร์ 37 ให้พรรคพลังประชารัฐนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมืองกล่าว