ศรีสะเกษ - โผล่อีกรายเหยื่อ “แอม ไซยาไนด์” เป็นชาวขุนหาญ ศรีสะเกษ แพทย์ระบุสาเหตุการตายคล้ายเหยื่อรายอื่นเนื่องจากระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจล้มเหลว ญาติเผยเสียชีวิตกะทันหันในห้องน้ำ สภาพศพพบตามร่างกายเป็นสีม่วงคล้ำลักษณะการตายผิดธรรมชาติชัด เชื่อโดนฆาตกรรม ต้องการให้ จนท.รื้อฟื้นคดีอีกครั้ง
วันนี้ (27 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 117 หมู่ 5 บ้านค้อปอ ตำบลขุนหาญ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ บ้านของ นายเกิด แก้วบุปผา อายุ 66 ปีและนางสุพิศ แก้วบุปผา อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นพ่อและคุณแม่ของ นางสาวนิตยา แก้วบุปผา อายุ 36 ปี ที่เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2563 ที่จังหวัดนครปฐม โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับ นางสาวสุธาวรรณ ดอนจันมาตย์ อายุ 17 ปี ลูกสาวของนางสาวนิตยา กำลังพูดคุยกันอยู่กับ นางสาวณัฐธยาน์ โพธิ์กระสัง อายุ 47 ปี เป็นน้าสาวของนางสาวนิติยา
โดยได้นำเอารูปภาพของ นางสาวนิตยา พร้อมทั้งนำเอามรณบัตรของนางสาวนิตยามาแสดงให้ผู้สื่อข่าวได้ดูและตรวจสอบด้วย โดยมรณบัตรแจ้งว่า นางสาวนิตยา เสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 66/3 หมู่ 13 ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2563 เวลา 12.00 น. สาเหตุการตายเนื่องจากระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว
นางสาวณัฐธยาน์ โพธิ์กระสัง อายุ 47 ปี น้าสาวของนางสาวนิตยา ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเป็นน้าสาวของนางสาวนิตยา จากการที่ตนได้ตรวจสอบสภาพศพของนางสาวนิตยาแล้วพบว่าตามร่างกายเป็นสีม่วงคล้ำคล้ายกับสีองุ่น ลักษณะการตายผิดธรรมชาติไม่เหมือนกับคนที่เสียชีวิตปกติทั่วไป ทำให้ตนและญาติพี่น้องทุกคนพากันติดใจสงสัยสาเหตุการตายของนางสาวนิตยาเป็นอย่างมาก และตนต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรื้อฟื้นคดีการเสียชีวิตของนางสาวนิตยาขึ้นมา เพื่อความเป็นธรรมให้กับนางสาวนิตยาด้วย
โดยก่อนที่นางสาวนิตยาจะเสียชีวิตประมาณ 1 สัปดาห์ ได้นำ นางสุพิศ แก้วบุปผา อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นแม่ พร้อมด้วย นางสาวสุธาวรรณ ดอนจันทร์มาตย์ หรือแตงโม ลูกสาว ขณะนั้นอายุ 15 ปี และสุนัขชื่อกาแฟ มาส่งที่บ้านแห่งนี้ โดยแจ้งให้ตนทราบว่าขณะนี้เวลาของตัวเองหมดแล้วและเกรงว่าแม่และลูกสาวรวมทั้งสุนัข จะไม่ได้รับความปลอดภัย เนื่องจาก นางสาวนิตยาเป็นเท้าแชร์หลายเจ้าและต้องหมุนเงินไปใช้หนี้ลูกแชร์ที่ติดหนี้ค้างจ่ายหลายราย แต่ว่าหมุนเงินไม่ทันเกรงว่า จะได้รับอันตราย
นางสาวณัฐธยาน์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว นั้น นางสาวนิตยาได้ขอยืมมาจากน้าอรซึ่งเป็นน้องสาวของแม่ เพื่อมาใช้งานเนื่องจากช่วงนั้นไม่มีรถใช้งานจึงได้ไปขอยืมรถน้องสาวของแม่มาใช้และรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวได้หายไปประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนที่นางสาวนิตยาจะเสียชีวิตจึงได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนไว้แล้วและไม่ทราบว่ารถหายไปที่ใด เพราะนำเอารถไปจอดไว้ที่ไซต์งาน เนื่องจากนางสาวนิตยาเป็นโฟร์แมนคุมงานจะต้องเดินทางไปกลุ่มงานการก่อสร้างหลายแห่งทำให้รถหายไป
นางสุพิศ แก้วบุบผา อายุ 69 ปี แม่ของนางสาวนิติยา กล่าวว่า นางสาวนิตยาเป็นเสาหลักของบ้านหาเลี้ยงครอบครัวโดยจะส่งเงินมาให้พ่อกับแม่เดือนละประมาณ 3,000 กว่าบาทเป็นประจำทุกเดือน เมื่อขาดนางสาวนิตยาแล้วทำให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนมากเพราะพ่อแม่แก่แล้ว ไม่มีรายได้จากทางอื่นมาใช้จ่ายในครอบครัว ตนอยากขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรื้อคดีนี้ขึ้นมา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับนางสาวนิตยาลูกสาวที่ตนรักมากด้วย
นางสาวสุธาวรรณ ดอนจันมาตย์ อายุ 17 ปี ลูกสาวคนโตของนางสาวนิตยา ผู้ตาย กล่าวว่า ตนเสียใจมากที่คุณแม่เสียชีวิตอย่างกะทันหันในครั้งนี้ โดยก่อนที่แม่จะเสียชีวิตแม่ได้โทรศัพท์มาบอกว่าเดี๋ยวแม่จะโอนเงินมาให้เพื่อให้ไปโรงเรียน จากนั้นตนก็ได้ทราบข่าวว่าแม่เสียชีวิตกะทันหันในห้องน้ำที่บ้านพักที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งเมื่อนำศพของแม่มาทำบุญที่บ้าน ตนเห็นหน้าแม่แล้วพบว่าแม่เสียชีวิตผิดธรรมชาติเนื่องจากใบหน้าของแม่มีสีม่วง ซึ่งลักษณะการตายไม่เหมือนกับคนตายทั่วไป ตนจึงเชื่อว่าแม่จะโดนฆาตกรรม ตนอยากฝากไปถึงคนที่ทำร้ายแม่ของตนว่าขอให้ชดใช้กรรมของเขาที่ได้ทำกับแม่ของตนแบบนี้
นายเกิด แก้วบุบผา อายุ 66 ปี พ่อของนางสาวนิตยา กล่าวว่า ตนเสียใจมากที่ลูกสาวที่ตนรักมากต้องเสียชีวิตอย่างกะทันหันและทำให้ขาดเสาหลักในการดูแลเลี้ยงดูครอบครัว ตนเชื่อว่าลูกสาวของตนตายผิดธรรมชาติ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ทำการรื้อคดีนี้ขึ้นมา ทั้งนี้เนื่องจากสังเกตว่าการเสียชีวิตของลูกสาวตนคล้ายกับคนอื่นๆ ที่ถูกนางแอมวางยาฆาตกรรมเสียชีวิต ก็คือระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว ซึ่งคล้ายกันกับลูกสาวของตน เพราะลูกสาวของตนสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงไม่เคยมีโรคประจำตัวหรือโรคร้ายใดๆ ทั้งสิ้น