กำแพงเพชร - แม่สาวชาวกำแพงเพชรอดีตเพื่อนสนิท “แอม” ผู้ต้องหาคดีสยองวางยาไซยาไนด์ฆ่าเหยื่อ เผย..คาใจมาตลอด 7 ปี จนคิดว่าลูกจะตายฟรี วันนี้ถึงรู้ลูกตายคล้ายกับทุกเคสที่เป็นข่าว
กรณีคดีสะเทือนขวัญ นางสรารัตน์ หรือ แอม รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 36 ปี เท้าแชร์ใน จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาคดีวางยาฆ่าผู้อื่น โดยใส่ไซยาไนด์ในอาหาร-เครื่องดื่ม ให้ดื่มจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา เบื้องต้นพบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อนับ 10 ราย รวมถึงนางสาวมณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ หรือทราย อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นชาวกำแพงเพชร ที่เป็นเพื่อนสนิทกับแอม ก่อนเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2558 ที่กรุงเทพมหานคร
โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตของนางสาวมณฑาทิพย์ว่าเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งได้บำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจศพที่กรุงเทพมหานคร แต่ญาติยังคงคาใจถึงสาเหตุการตาย
ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนางลัดดา ขาวอินทร์ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่ที่ 1 ต.นาบ่อคำ อ.เมืองกำแพงเพชร ซึ่งเป็นแม่ของนางสาวมณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ หรือทราย ซึ่งได้เปิดเผยว่า ลูกสาวตนไปใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพมหานคร มีความสนิทสนมกับแอม ถือเป็นเพื่อนสนิทกัน ชอบทำบุญซึ่งก็จะมีแอมไปด้วย โดยตลอดระยะเวลาที่คบหาเป็นเพื่อนกัน ลูกสาวตนคอยช่วยเหลือแอมในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเงิน หากแอมเดือดร้อนก็จะยื่นมือเข้าไปช่วย ซึ่งแอมเองก็มักจะยืมเงินลูกตนตลอดเวลา ครั้งละประมาณ 50,000 บาทขึ้นไป แต่ก็ไม่เคยที่จะใช้คืนแม้แต่ครั้งเดียว ลูกสาวตนก็ไม่เคยบ่นหรือทวงคืน มีแต่ให้ตลอด
ล่าสุดก่อนเสียชีวิตลูกสาวไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศประมาณ 3 ปี และจะเดินทางกลับมายังประเทศไทย แอมก็ได้อาสาไปรับมาจากสนามบินและมาส่งบ้านในช่วงเช้ามืด จากนั้นเวลาไม่นานก็มาทราบข่าวว่าลูกสาวตนเสียชีวิต ตนจึงไปจัดการศพ
ซึ่งตั้งแต่ลูกสาวตนเสียชีวิตจนกระทั่งฌาปนกิจแอมไม่เคยมาร่วมงานบำเพ็ญกุศลหรือเข้ามาแสดงความเสียใจเลย หลังจากฌาปนกิจศพแล้วตนเคยโทร.ไปหาแอม แต่แอมพูดจาไม่ดีใส่และตัดสายทิ้ง โดยตนเคยถามเรื่องทรัพย์สินของแอม แต่แอมอ้างว่าสามีของลูกสาวตนให้นำไปประมูลขาย แล้วตัดสายทิ้งไป
“จากวันนั้นจนถึงวันนี้ฉันยังคงค้างคาใจต่อสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาวมาตลอดระยะเวลา 7 ปี จนกระทั่งมาทราบข่าวว่าแอมถูกดำเนินคดี สาเหตุการเสียชีวิตของคนตายในคดีนี้แต่ละรายคล้ายกับลูกสาวฉัน และมีความใกล้ชิดเหมือนกัน แต่ต้องมาจบชีวิตทุกราย ส่วนหนึ่งก็รู้สึกโล่งใจที่ได้รู้ แต่ก็เสียใจว่าทำไมต้องมาทำกันขนาดนี้ หากแอมมาอยู่ตรงหน้ามายกมือไหว้ขอโทษหรือขออโหสิกรรม จะไม่ยกโทษให้ และขอให้เขาได้รับโทษตามที่กระทำให้ถึงที่สุด”