ฉะเชิงเทรา - จับตาสนามเลือกตั้งเขต 4 เมืองแปดริ้ว สนามแห่งการช่วงชิงบัลลังก์เก้าอี้ ส.ส. ทั้งจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ขอชิมลางการเมืองระดับชาติ และยังมีแชมป์เก่า-แชมป์ใหม่ที่เคยได้นั่งเก้าอี้ งานนี้วัดกันดีๆ ที่นโยบายและกำลังภายใน
ภายหลังจากที่ กกต.ฉะเชิงเทรา ได้เปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตระหว่างวันที่ 3-4 เม.ย.2566 ที่ผ่านมา พบว่ามีพรรคการเมืองต่างๆ ส่งผู้สมัครเข้าชิงเก้าอี้ ส.ส.เป็นจำนวนมาก ซึ่งเขตเลือกตั้งที่ถูกจับตาจากคอการเมืองในพื้นที่มากเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้นเขตเลือกตั้งที่ 4 ซึ่งกินพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.บางปะกง แปลงยาว และบ้านโพธิ์ และมีผู้มีสิทธิออกเสียลเลือกตั้งมากถึง 197,527 คน
เพราะนอกจากพื้นที่แห่งจะเป็นพื้นที่การแข่งขันของ 2 ขั้วการเมืองที่ชัดเจนแล้ว ยังมีทั้งอดีตแชมป์เก่าตระกูลดังผู้มากบารมี ที่การเลือกตั้งคราวนี้ตั้งความหวังว่าจะทวงเก้าอี้กลับคืน และแชมป์ใหม่ที่เพิ่งได้เก้าอี้ไปครอบครองเมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งการเลือกตั้งในครั้งนี้จะต้องยึดเก้าอี้ไว้ให้ได้ ท่ามกลางกระแสเสียงมวลชนที่มีมุมมองแตกต่างกันไปตามอาชีพ ยุคสมัย และวัยที่ต่างกัน
เริ่มจากว่าที่ผู้แทนคนหนุ่มหน้าใสหัวใจประชาธิปัตย์ ผู้สมัครหมายเลข 1 อย่าง นายศุภกร นพศิริ ซึ่งมีอนาคตทางการเมืองที่ยาวไกลด้วยวัยเพียง 33 ปี อีกทั้งยังมีหน้าตาที่ดูดี แต่ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้มีเจ้าถิ่น หลายสำนักที่รอคว้าเก้าอี้กลับคืน จึงถือเป็นงานหนักของมือใหม่ทางการเมือง
ขณะที่ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ หรือหนุ่มซัน วัย 34 ปี ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 2 ซึ่งมีตำนานแจ้งเกิดเป็นม้ามืดเข้าสภาในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาในนาม ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งการเลือกตั้งในครั้งนี้ยังคงยึดแนวทางการทำงานกับพรรคเดิม เพียงแต่เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคก้าวไกล ที่แม้การเลือกตั้งครั้งนี้อาจต้องเหนื่อยฟรี
แต่ยังมีแฟนคลับที่ให้การสนับสนุนเป็นจำนวนมากจากความชื่นชอบในนโยบายการพัฒนาประเทศของพรรคก้าวไกล ซึ่งตั้งธง เปลี่ยนแปลงประเทศแบบขัดใจคนรุ่นเก่า
ด้านผู้สมัครหมายเลข 3 จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ หนุ่มใหญ่วัย 57 ปี จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยังไม่ขยาดกับเส้นทางการเมือง หลังเคยเป็นผู้สมัครนายก อบจ. แต่สุดท้ายต้องผิดหวัง และในวันนี้ขอลงแข่งขันในสนามการเมืองใหญ่เพื่อผลักดันให้ “ลุงตู่” ได้กลับเข้าสู่สภาในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกหน
และแม้จะเป็นคนหน้าใหม่ในเส้นทางการเมืองระดับชาติ แต่ จ่าเอกยศสิงห์ ถือเป็นผู้ที่มีประวัติทางการเมืองในระดับท้องถิ่นมายาวนาน ในตำแหน่งนายก อบต. ต่อเนื่องด้วยนายกเทศบาลตำบลบางผึ้ง ถึง 4 สมัย
อย่างไรก็ดี ในสนามการเลือกตั้งเขต 4 จังหวัดฉะเชิงเทรา ยังมีอีก 2 กลุ่มการเมืองใหญ่ที่ถือไพ่เหนือกว่าผู้สมัครรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ในวัย 64 ปี ที่ลงเลือกตั้งครั้งนี้จับได้หมายเลข 5 ซึ่งคอการเมืองเชื่อว่าอาจจะเป็นผู้มีชัย
แต่ไม่วายต้องเจอกับอีกหนึ่งตระกูลใหญ่อย่าง พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ อดีต ส.ส. 1 สมัย ในวัย 73 ปี ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ได้ลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 7 ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพลาดท่าเสียโอกาสจากความประมาทในฐานเสียง และในครั้งนี้ได้เตรียมการเป็นอย่างดีเพื่อทวงเก้าอี้กลับคืน
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีผู้สมัครอีกหลายพรรคการเมืองที่อาจกลับกลายเป็นม้ามืดได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอดีตปลัดอำเภอชำนาญการ อย่าง น.ส.สาริศา แสงจันทร์ ผู้สมัครหมายเลข 6 จากพรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่ นายอนุเทพ ชาติเชษฐ์พงษ์ ผู้สมัครหมายเลข 4 วัย 27 ปี จากพรรคเสรีรวมไทย นายสุระเด่น สุวรรณะ ผู้สมัครหมายเลข 8 พรรคไทยศรีวิไลย์ และนายพรชัย หาญชนะ ผู้สมัครหมายเลข 9 พรรคพลังปวงชนไทย
สนามเลือกตั้งเขต 4 จ.ฉะเชิงเทรา ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการพลิกผลันต่อฐานคะแนนเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ได้ เพราะปัจจุบันมีกลุ่มคนจำนวนมากที่ย้ายเข้ามาอาศัยในพื้นที่จากการเกิดขึ้นของโครงการอีอีซี และยังมีฐานเสียงใหญ่จากหนุ่มสาวชาวโรงงานที่เปิดทำการในพื้นที่ 3 อำเภอไม่น้อยกว่า 2 พันแห่ง
การเลือกตั้งในครั้งนี้จึงถือว่าดุเดือดและน่าจับตา ที่สำคัญต้องรอดูว่าผู้สมัครของแต่ละพรรคการเมืองจะขายฝัน ขายนโยบายได้ตรงใจกลุ่มผู้มีอำนาจในการกาบัตรลงคะแนนได้มากน้อยเพียงใด