พระนครศรีอยุธยา - สลด! ชายวัย 76 ปี ขับเก๋งพาญาติมาด้วยกัน 5 คน จะไปไหว้พระ เลี้ยวรถสามแยกตีวงกว้าง ริมถนน สายเอเชีย-เทศบาลคลองจิก ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
วันนี้ (25 เม.ย.) พ.ต.ท.ธเนศพล แสงโชติ สว.สอบสวน สภ.บางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งตกลงไปในคลองชลประทานคลองทราย ริมถนนสายเอเชีย-เทศบาลคลองจิก ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้บาดและเสียชีวิตติดอยู่ภายในรถ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานมูลนิธิพุทไธสวรรย์ เร่งไปให้การช่วยเหลือ พบรถยนต์เก๋งโตโยต้าวีออส สีขาวหมายเลขทะเบียน กท 7949 พระนครศรีอยุธยา สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้ารถจมน้ำครึ่งคัน มีพลเมืองดีช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาจากรถได้แล้ว จำนวน 4 คน ส่วนบริเวณที่นั่งคนขับพบผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายทราบชื่อคือ นายบุญส่ง ศิริวานิชกุล อายุ 76 ปี เจ้าหน้าที่ใช้รถยกนำรถขึ้นจากในคลองเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากรถ พบว่าผู้เสียชีวิตยังคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่
สอบถามนายสมบัติ อายุ 73 ปี ชาว ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่นั่งมาในรถด้วย เปิดเผยภายในรถเดินทางมาด้วยกันทั้งหมด 5 คน ชาย 2 คนหญิง 3 คน เป็นญาติกันและเพื่อนบ้านซึ่งเป็นผู้สูงอายุ ขับรถมาจากวัดสุคันธาราม อ.บางปะอิน กำลังไปเทศบาลตำบลคลองจิก เพื่อเดินทางไปไหว้พระที่ จ.นครนายก ตามโครงการของเทศบาล เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเป็นสามแยก จากนั้นได้เลี้ยวขวาปรากฏว่า รถฝั่งซ้ายหลุดตกขอบถนนจนทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำตกลงไปในคลองล้อชี้ฟ้า จนมีชาวบ้านมาช่วย ส่วนคนขับออกมาไม่ได้เพราะคาดเข็มขัดนิรภัย
นายบุญสม ชุ่มเสน่ห์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.4 ต.คลองจิก อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านที่ไปช่วยผู้บาดเจ็บกล่าวว่า ได้ยินเสียงเจ้าโกโก้ สุนัขเพศผู้ อายุ 2 ปี ที่เลี้ยงเอาไว้ส่งเสียงเห่าเสียงดังนานผิดสังเกต จึงหยิบไฟฉายออกมาดูพบว่ามีรถเก๋งตกลงไปในคลอง จึงลงไปช่วยเปิดประตูรถ จนคนในรถออกมาได้ 4 คน ยังอยู่ในรถอีกคน เป็นคนขับรถพบจมน้ำอยู่ มีเข็มขัดนิรภัยคาดอยู่ จนมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิมาช่วยพบว่าเสียชีวิตแล้ว
ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้เสียชีวิตขับรถมาถึงบริเวณสามแยก จังหวะที่เลี้ยวขวาเพื่อจะไปเทศบาลตำบลคลองจิก เลี้ยวกว้างไปจนรถตกขอบถนนแล้วรถเสียหลักพลิกคว่ำตกลงไปในคลอง จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม จะทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป