xs
xsm
sm
md
lg

ตามไปดูผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี 5 เขต ใครมีดีกว่ากัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - นับถอยหลังเหลือ 20 วันเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ตามไปดูผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี 5 เขต ใครมีดีกว่ากัน 
               
 กกต.กำหนดให้วันที่ 14 พ.ค.ที่จะถึงนี้เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ปี 2566 ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรี มี 13 อำเภอ แบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 5 เขต มี ส.ส.ได้ 5 คน มีผู้สมัคร ส.ส. 56 คน จาก 13 พรรคการเมือง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดกาญจนบุรี มีจำนวน 649,009 คน มีหน่วยเลือกตั้ง 1,040 หน่วยเลือกตั้ง
 
แยกเป็นเขตเลือกตั้งที่ 1 มีหน่วยเลือกตั้ง 186 หน่วยเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 132,851 คน เขตเลือกตั้งที่ 2 มีหน่วยเลือกตั้ง 208 หน่วยเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 130,387 คน เขตเลือกตั้งที่ 3 มีหน่วยเลือกตั้ง 208 หน่วยเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 135,032 คน เขตเลือกตั้งที่ 4 มีหน่วยเลือกตั้ง 252 หน่วยเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 131,440 คน และเขตเลือกตั้งที่ 5 มีหน่วยเลือกตั้ง 186 หน่วยเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 119,299 คน
 
นับถอยหลังจากนี้ไปเหลือเพียง 20 วันเท่านั้น ประชาชนชาวไทยที่มีอายุ 18 ปี บริบูรณ์ขึ้นไปทุกคนต้องตัดสินใจเลือกอนาคตของตนเองด้วยการเดินเข้าคูหากากบาท (X) ลงใน “บัตรสีม่วง เลือกคนที่รัก” และ “กากบาท (X) ลงในบัตรสีเขียว เลือกพรรคที่ชอบ” กันแล้ว ดังนั้น วันนี้ตามไปดูว่าผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรีทั้ง 5 เขต ใครมีภาษีที่จะเข้าไปเป็นผู้แทนในสภามากกว่ากัน
 
เริ่มจากเขตเลือกตั้งที่ 1 กระแสของผู้สมัครหน้าใหม่ วัย 37 ปี นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ หรือกอล์ฟ (เบอร์ 1) จากพรรคเพื่อไทย ขณะนี้ได้รับความนิยมทั้งตัวบุคคลและพรรค ค่อนข้างร้อนแรง ส่วน พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 6 แชมป์เก่า ยังคงรักษาฐานคะแนนเสียงเดิมเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แต่นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี 5 ปีซ้อน ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ  เบอร์ 7 มีคะแนนตอบรับจากกลุ่มกำนัน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี ที่สำคัญ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีต ผบ.พล.ร.9 อดีต ผบ.มทบ.17 เข้ามาสนับสนุนด้วยการขอคะแนนในค่ายทหารตำบลลาดหญ้า ทำให้คะแนนนิยมของผู้ว่าจีระเกียรติ สูงมากจนประมาทไม่ได้ ทั้ง 3 คน 3 พรรคข้างต้นจึงมีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งมากที่สุด ส่วน ดร.ววรสุดา สุขารมณ์ หรือ ดร.จุ๊บ พรรครวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 5 ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนรักลุงตู่ และนายวรรษภณ แสงเป่า หรือทนายสุกวี พรรคก้าวไกล เบอร์ 9 มีกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 18 ปีบริบูรณ์ที่จะเทคะแนนให้ แต่มีแบ่งให้เพื่อไทยด้วย
 
เขตเลือกตั้งที่ 2 นายสมเกียรติ วอนเพียร พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 5 แชมป์เก่ายังมีความนิยมมากกว่าคนอื่นโดยยังปูพรมลงพื้นที่หาเสียงอย่างเข้มข้น แต่ยังนำคู่แข่งเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับคู่แข่งของนายสมเกียรติ วอนเพียร ที่ได้รับความนิยมสูสีกันมีอีก 3 คน คือ นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร หรือ ส.ส.แมน จากพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 6 นายชูศักดิ์ แม้นทิม พรรคเพื่อไทย เบอร์ 7 และนายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ จากพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 3 โดยเฉพาะนายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร และนายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ มีโอกาสเร่งเครื่องแซงทางโค้งเข้าวินได้ทั้งคู่
 
มาที่เขตเลือกตั้งที่ 3 นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 9 แชมป์เก่า และ น.ส.พลอย ธนิกุล หรือน้องพลอย สาวสวยแห่งค่ายเพื่อไทย เบอร์ 4 วัย 34 ปี ทั้งคู่ได้รับความนิยมค่อนข้างที่จะสูสีกัน บางครั้งผลัดกันนำและผลัดกันตาม แต่ขณะนี้น้องพลอยเดินสายไปหาเสียงพื้นที่ไหน พื้นที่นั้นมีแต่รอยยิ้ม ต้องรอดูผลคะแนนวันที่ 14 พ.ค.2566 ว่าใครจะเข้าวิน ตามมาห่างๆ คือ พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 3 ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อลบภาพเก่า หากประชาชนลืมสามารถพลิกแซงเข้าวินได้เช่นกัน
 
ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 4 ต้องยอมรับว่าเมื่อครั้งที่นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ยังรับราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลนั้น ได้สร้างผลงานเอาไว้อย่างเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะการแก้ปัญหาภัยแล้งทำให้ประชาชนเขต 4 มีน้ำกินน้ำใช้ รวมทั้งใช้ทางการเกษตร ซึ่งผลงานนี้เป็นที่ประจักษ์ที่ชาวบ้านต่างรู้กันเป็นอย่างดี หลังเกษียณอายุราชการ นายศักดิ์ วิเชียรศิลป์ ได้ตัดสินใจประกาศลงเล่นการเมืองระดับชาติในนามพรรคเพื่อไทย (เบอร์ 5) สร้างความฮือฮาให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก จึงมีโอกาสชนะการเลือกตั้งมากที่สุด
 
ส่วนนายธรรมวิชญ์  โพธิพิพิธ หรือผู้ใหญ่แหลม พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 4 แชมป์เก่า และ น.ส.ลำยอง ยิ้มใหญ่หลวง พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 8 นั้นขณะนี้ทั้งคู่กำลังเร่งลงพื้นที่หาเสียงอย่างเต็มที่ แต่ความนิยมยังตามหลังห่างนายศักดิ์ดา มากพอสมควร
  
สุดท้ายเขตเลือกตั้งที่ 5 นายอัฎฐพล โพธิพิพิธ พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 3 (แชมป์เก่า) ยังคงลงพื้นที่หาเสียงและเกาะติดหัวคะแนนกลุ่มเดิม ส่วนนายพนม โพธิ์แก้ว หรือ ส.จ.ไก่ พรรคเพื่อไทย เบอร์ 5 ได้กลุ่ม ส.อบจ.ในหลายพื้นที่ให้การสนับสนุน ที่สำคัญการที่ ส.จ.ไก่ ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ทำให้กระแสนิยมพุ่งแรง ด้านนายประเทศ บุญยงค์ อดีตนายกเทศบาลตำบลทองผาภูมิหลายสมัย จากพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 2 ฐานคะแนนเสียงส่วนใหญ่อยู่ที่เขตเทศบาลตำบลทองผาภูมิ แต่นายประเทศ เป็นคนขยันลงพื้นที่พบปะประชาชน การหาเสียงต้องเดินทางทั้งทางเรือและทางบก ทำให้ประชาชนที่ไม่เคยรู้จักเริ่มรู้จักมากขึ้น ที่สำคัญได้แรงหนุนจาก “บิ๊กณัฐ” พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม รวมทั้งนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ (ลำดับที่ 15) และนายรังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ อดีตนายก อบจ.กาญจนบุรี ที่ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง เมื่อปิดหีบเลือกตั้งจึงมีสิทธิเข้าวินได้เช่นกัน
 
รายงานแจ้งว่า จากการที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีจำนวนหนึ่ง พบว่า พรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือพรรคก้าวไกล ที่วัยรุ่นคนรุ่นใหม่พูดถึงมากที่สุด ตามมาด้วยพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่การเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.ที่กำลังจะมาถึงนี้ คาดว่าจะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งตัดสินใจลงคะแนนในรูปแบบ “เลือกคน แต่ไม่เลือกพรรค หรือเลือกพรรค แต่ไม่เลือกคน”










กำลังโหลดความคิดเห็น