ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “หมอวรงค์” นำทัพไทยภักดีเปิดเวทีปราศรัยโคราช ชูนโยบายลดค่าไฟ ใช้หนี้เกษตรกร ขณะ “สุวัจน์” โหมโรงพรรคชาติพัฒนากล้าปราศรัยใหญ่โคราช ชี้สนามโคราชแข่งเข้มข้นสูสี ลั่นพร้อมสู้ตายคาบ้าน ปัดตอบจับขั้วกับฝ่ายไหนหวั่นนำไปสู่ความขัดแย้ง
วันนี้ (20 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลายพรรคการเมืองได้มาเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงในพื้นที่ จ.นครราชสีมาอย่างคึกคัก อย่างเช่นที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พรรคไทยภักดี ได้จัดเวทีปราศรัยขึ้นเพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชนชาวโคราช โดยมีแกนนำพรรคฯ ขึ้นเวทีปราศรัยอย่างพร้อมหน้า เช่น นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี, นายถาวร เสนเนียม ประธานพรรคฯ, นายทินกร ปลอดภัย ผู้อำนวยการพรรคฯ, พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช เลขาธิการพรรคฯ, นายสุขสันต์ แสงศรี โฆษกพรรคฯ และผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยภักดี ทั้ง 16 เขต ท่ามกลางประชาชนที่มารับฟังการปราศรัยกว่า 300 คน
โดยก่อนการขึ้นปราศรัยของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้มีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อให้ผู้ร่วมฟังการปราศรัยทั้งหมดยืนแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย
นพ.วรงค์ เดชกิจิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวว่า การลงพื้นที่มาปราศรัยที่โคราชวันนี้เพื่อเสนอนโยบายดีๆ ให้พี่น้องชาวโคราชได้รับรู้ ซึ่งพรรคไทยภักดีมีนโยบายที่จะลดค่าไฟฟ้า ใช้หนี้ให้เกษตรกร ทำให้เกษตรกร ซึ่งเป็นพี่น้องส่วนใหญ่ของโคราช มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยในส่วนของค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นอยู่ขณะนี้เรามีนโยบายที่จะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเหลือหน่วยละ 2.50 บาท ก๊าซหุงต้ม เหลือถังละ 250 บาท รวมทั้งปุ๋ย เหลือกระสอบละ 750 บาท ซึ่งนโยบายทั้งหมดจะไม่ใช้ภาษีของประชาชนเลยแม้แต่บาทเดียว แต่จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการทำให้ราคาลดลงได้
ทั้งนี้ พรรคไทยภักดีได้ลงพื้นที่มาคลุกคลีกับพี่น้องเกษตรกรนานนับปี จึงมั่นใจว่าพรรคของเราจะมีความเข้าใจปัญหาของพี่น้องเกษตรกรชาวอีสานมากที่สุด ขณะเดียวกันที่หลายพรรคพูดว่าโพลของพรรคนั้น พรรคนี้ดี ตนเองไม่เชื่อผลโพลสำนักใดทั้งสิ้น และเรามั่นใจว่าพี่น้องประชาชนก็คิดเช่นนั้น
“ส่วนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ตั้งเป้าไว้ว่าจะได้ ส.ส.1 ที่นั่ง โดยเป็นเขต 1 ในตัวเมืองโคราช เพราะเชื่อว่าชาวเมืองโคราชอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นกว่าเดิม” นพ.วรงค์กล่าวในตอนท้าย
ขณะเดียวกัน ที่อาคารอเนกประสงค์ เทศบาลตำบลกุดจิก อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ได้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่เป็นครั้งแรกในพื้นที่ จ.นครราชสีมา นำโดย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า และแกนนำพรรคฯ เช่น นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคฯ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นครราชสีมา, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรคฯ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นครราชสีมา และผู้สมัคร ส.ส.เขต จ.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนากล้า ทั้ง 16 เขต ท่ามกลางประชาชนที่มาฟังการปราศรัยครั้งนี้กว่า 2,000 คน
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงการแข่งขันในสนามเลือกตั้งจังหวัดนครราชสีมาว่า เป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายของหลายพรรคการเมือง มีการแข่งขันที่เข้มข้น ซึ่งหากเปรียบเป็นการแข่งขันกีฬาก็ถือว่าสนุกสูสี และยืนยันว่าไม่หนักใจต่อการแข่งขัน เพราะเหมือนเป็นการแข่งขันฟุตบอลในบ้านตัวเอง พร้อมสู้เต็มที่ พร้อมสู้ตายคาบ้านอยู่แล้ว
สำหรับการปราศรัยวันนี้ เพื่อมาบอกเล่าให้ประชาชนรู้ว่า เศรษฐกิจยุคทอง กับเศรษฐกิจยุคไม่ทองที่มีความทุกข์เป็นอย่างไร โดยพรรคชาติพัฒนากล้าจะทำให้เป็นเศรษฐกิจยุคทอง เพราะมีนโยบายเฉพาะคนโคราชจริงๆ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเปลี่ยนแปลงกติกาบัตรเลือกตั้งของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุวัจน์ระบุว่า ถือว่าเป็นของใหม่ที่ต่างจากครั้งที่แล้ว ที่มี 2 บัตร 2 สี ทำให้เกิดความกังวลในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องสี เบอร์พรรค และเบอร์ของผู้สมัครก็ไม่ซ้ำกัน ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ฉะนั้นในวันนี้มองว่า กกต.ควรจะทุ่มเทวางแผนในการประชาสัมพันธ์ไม่ให้เกิดความสับสน ไม่เช่นนั้นจะส่งผลให้เกิดบัตรเสียเยอะ และจะทำให้เกิดการเลือกตั้งผิดเจตนารมณ์ จึงมองว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการประชาสัมพันธ์ให้มาก ซึ่งทางพรรคชาติพัฒนากล้าก็ช่วยประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่ ซึ่งทุกครั้งที่ขึ้นเวทีทุกคนก็จะช่วยพูดว่าบัตรมีกี่สี มีกี่ใบเพื่อให้ประชาชนไม่สับสน
เมื่อถามต่อว่า ใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว มีพรรคใดมาทาบทามในการร่วมจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสุวัจน์กล่าวว่า "ยังไม่มี แต่ตอนนี้ทำตัวเราให้ดีที่สุด และยังไม่อยากเป็นขั้วการเมืองกับใคร เพราะอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งกัน ส่วนการตัดสินใจทางการเมืองขอยึดผลการเลือกตั้งเป็นหลัก เพราะต้องให้เกียรติพี่น้องประชาชน หากประชาชนตัดสินใจอย่างไร เราก็จะดูว่าพรรคไหนได้เป็นลำดับที่หนึ่ง เพราะการเมืองจะต้องมีความชอบธรรม และมีเสถียรภาพด้วย" นายสุวัจน์กล่าวในตอนท้าย