เชียงใหม่ - ผู้บริหารองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยฯ พร้อมสวนสัตว์เชียงใหม่ ตั้งโต๊ะแถลงละเอียดยิบการตายของ "หลินฮุ่ย" แม่หมีแพนด้า ทูตสันถวไมตรีไทย-จีนตัวสุดท้าย ปิดฉากการใช้ชีวิต 20 ปีในประเทศไทย ด้วยอายุ 21 ปี 7 เดือน เผยไม่มีการส่งสัญญาณหรือความผิดปกติใดๆ จนกระทั่งพบเลือดกำเดาไหลช่วงสายวานนี้ (18 เม.ย. 66) และทีมสัตวแพทย์เร่งให้การรักษาอย่างเร่งด่วน ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจีนตลอดเวลา แต่สุดท้ายไม่สามารถยื้อลมหายใจไว้ได้ เตรียมผ่าพิสูจน์หาสาเหตุชัดเจน
เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (19 เม.ย. 66) ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ นายเดชบุญ มาประเสริฐ ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และนายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ รวมทั้งสัตวแพทย์ผู้ดูแลหมีแพนด้า ร่วมกันแถลงข่าวการตายของ “หลินฮุ่ย” หมีแพนด้าเพศเมีย อายุ 21 ปี ทูตสันถวไมตรีไทย-จีน ที่อยู่ในความดูแลของสวนสัตว์เชียงใหม่ ซึ่งตายลงเมื่อเวลาประมาณ 01.10 น. วันนี้ หลังจากที่มีการสังเกตพบว่า "หลินฮุ่ย" มีอาการผิดปกติเลือดกำเดาไหลออกทางจมูก ระหว่างนอนอยู่ในส่วนจัดแสดงตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น.วานนี้ และจากนั้นได้ระดมทีมสัตวแพทย์ พร้อมประสานขอรับคำปรึกษาจากทางผู้เชี่ยวชาญจีนพยายามให้การรักษาอย่างเต็มกำลังความสามารถแล้วแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้
นายเดชบุญเปิดเผยว่า วานนี้ (18 เม.ย. 66) เวลาประมาณ 11.00 น. ทันทีที่สวนสัตว์เชียงใหม่ตรวจพบความผิดปกติของ "หลินฮุ่ย" ได้รายงานให้ทางองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยทราบ พร้อมทั้งตัวเองได้รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบทันที ซึ่งได้สั่งการให้ทำทุกอย่างอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อดูแล "หลินฮุ่ย" พร้อมทั้งประสานกับทางการจีนให้ทราบและให้คำปรึกษาในการดูแลรักษาร่วมกับทีมสัตวแพทย์ ซึ่งได้ช่วยกันให้การรักษาอย่างเต็มที่แล้ว
ที่สุดแล้ว "หลินฮุ่ย" ได้ตายลงในเวลา 01.10 น. ซึ่งถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เพราะเป็นทูตสันถวไมตรีไทย-จีน ที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์แน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ และตามกำหนดเดิมทางองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยเตรียมที่จะต้องส่งคืน "หลินฮุ่ย" ให้กับทางการจีนในวันที่ 12 ต.ค. 66 นี้แล้ว เนื่องจากครบกำหนดสัญญา 20 ปี แต่มาเกิดเหตุความสูญเสียในครั้งนี้เสียก่อน ส่วนอนาคตตจะมีการส่งหมีแพนด้าจากจีนมาอยู่ในประเทศไทยอีกหรือไม่ จะต้องมีการหารือและพิจารณาร่วมกับทางการจีนอีกครั้ง
ขณะที่นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 11.00 น. ได้รับแจ้งจากทีมงานโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย ว่าตรวจพบหมีแพนด้า "หลินฮุ่ย" มีเลือดกำเดาไหล ซึ่งทีมสัตวแพทย์รีบให้การรักษาอย่างเร่งด่วน พร้อมรายงานให้ทางองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยทราบ รวมทั้งประสานไปยัง สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าจีน ที่กรุงปักกิ่ง และศูนย์อนุรักษ์วิจัยหมีแพนด้า ที่เฉิงตู เพื่อขอปรึกษาหารือและขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการรักษา
นอกจากนี้ยังได้รายงานให้สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดเชียงใหม่ได้ทราบด้วย และมีการส่งรองกงสุลใหญ่พร้อมเจ้าหน้าที่มาร่วมสังเกตการณ์ ตลอดจนช่วยประสานงานกับทางผู้เชี่ยวชาญของศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า ที่เฉิงตู ผ่านทางระบบออนไลน์และวิดีโอคอลในการให้คำปรึกษาทีมสัตวแพทย์ในการรักษาอย่างต่อเนื่อง จนถึงเวลาประมาณ 01.00 น. ปรากฏว่าหลินฮุ่ยมีอาการเกร็ง และตายลงในเวลา 01.10 น.
ส่วนสาเหตุการตายของหลินฮุ่ยนั้น จากนี้กำลังประสานทางผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีนเดินทางมาร่วมผ่าชันสูตรซากเพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดต่อไป ซึ่งหากเทียบกับเมื่อครั้งที่ "ช่วงช่วง" หมีแพนด้าตัวผู้ตายในปี 2562 ครั้งนั้นผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาถึงหลังจากที่ "ช่วงช่วง" ตายแล้ว 4 วัน และทราบผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการหลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน
เบื้องต้นทางสวนสัตว์เชียงใหม่ได้จัดเก็บซากของ "หลินฮุ่ย" ไว้เป็นอย่างดีแล้วตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญจีน และเมื่อทำการผ่าพิสูจน์เสร็จแล้วจะต้องส่งซากของ "หลินฮุ่ย" คืนให้กับทางการจีนด้วย ตามข้อตกลงในสัญญา สำหรับค่าธรรมเนียมที่จะต้องจ่ายให้ทางการจีนกรณีหมีแพนด้าตายนั้น มีการทำประกันไว้วงเงิน 15 ล้านบาท ซึ่งน่าจะครอบคลุมเพียงพอ
ทั้งนี้ยืนยันว่าตลอดช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ทางสวนสัตว์เชียงใหม่ให้การดูแลหมีแพนด้าเป็นอย่างดี จนได้รับคำชมจากทางการจีน ส่วนจากนี้จะยังมีการดำเนินโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทยต่อไป หรือทางการจีนจะมอบหมีแพนด้าตัวใหม่ให้มาอยู่ในประเทศไทยอีกหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลในการเจรจาหารือกัน
ด้านนายสัตวแพทย์ เทวราช เวชมนัส รักษาการหัวหน้างานสุขภาพสัตว์ และปฏิบัติหน้าที่นายสัตวแพทย์ประจำโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้า เปิดเผยว่า ตามปกติประจำทุกวันก่อนที่จะปล่อยหลินฮุ่ยออกสู่ส่วนจัดแสดงจะมีการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดทุกครั้ง ซึ่งวานนี้ไม่ตรวจพบความผิดปกติใดๆ จนกระทั่งช่วงสายที่มีการสังเกตพบระหว่างที่หลินฮุ่ยนอนหลับพักผ่อนอยู่ได้มีเลือดกำเดาไหลซึมออกมาทางจมูก ทางทีมสัตวแพทย์จึงรีบให้การรักษาอย่างเร่งด่วนทันทีและมีการประสานขอคำปรึกษาจากทางผู้เชี่ยวชาญจีนในการรักษาตลอดทุกขั้นตอน จนกระทั่งหลินฮุ่ยตายลงในที่สุด
ส่วนสาเหตุที่เลือดกำเดาไหลนั้นเป็นไปได้หลายอย่าง แต่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งสาเหตุการตายที่แน่ชัดจะต้องรอการผ่าชันสูตรร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจีนอีกครั้ง ซึ่งการตายของหลินฮุ่ยด้วยอายุ 21 ปี 7 เดือนนั้น ถือว่าเป็นการตายในช่วงอายุขัยเฉลี่ยปกติของหมีแพนด้าที่อยู่ที่ประมาณ 20 ปี ซึ่งหากเทียบกับมนุษย์แล้วหลินฮุ่ยถือว่าอยู่ในวัยชรา อายุประมาณ 80 ปี