xs
xsm
sm
md
lg

ระบบยุติธรรมชุมชนขลัง! ผู้ใหญ่บ้านโคราชนำโจ๋ 2 กลุ่มจับมือยุติศึกยกพวกรุมสกรัมงานรถแห่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ใหญ่บ้านโคราชเจ๋ง นำ 2 กลุ่มวัยรุ่นจับมือยุติศึกยกพวกรุมสกรัมกลางงานรถแห่ เผยนำ “ระบบยุติธรรมชุมชน” มาใช้ไกล่เกลี่ย ก่อนเหตุลุกลามบานปลายหลังโพสต์ท้าทายขู่ใช้ระเบิด เผยทั้ง 2 ฝ่ายได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันต่างยินดีจับมือไม่เอาความต่อกัน พร้อมร่วมทำบันทึกข้อตกลงยุติปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

วันนี้ (19 เม.ย.) นายวราวุฒิ ไร่สุขเจริญ ผู้ใหญ่บ้านห้วยปอ ตำบลห้วยแถลง อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา ได้รับทราบเหตุจากคลิปวิดีโองานรถแห่ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นนับสิบรายรุมทำร้าย นายภูวิศ (สงวนนามสกุล) ลูกบ้านของนายวราวุฒิ ทำให้ได้รับบาดเจ็บฟกช้ำไปทั้งตัว ก่อนจะมีผู้เข้ามาห้ามปราม ทำให้กลุ่มวัยรุ่นแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง แต่หลังจากนั้นกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุได้โพสต์ข้อความท้าทายกันในเฟซบุ๊กว่า “กูร้ะเปิดจบบ่555” ทำให้หวั่นเกรงว่าต่อไปอาจจะมีการแก้แค้นเอาคืนระหว่างกัน จนนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงบานปลายจนยากเกินการควบคุม


นายภูวิศจึงเดินทางเข้าแจ้งเรื่องให้ นายวราวุฒิ ผู้ใหญ่บ้าน ได้ทราบเรื่องดังกล่าว หลังจากรักษาตัวจนอาการบาดเจ็บหายเป็นปกติแล้ว นายวราวุฒิ ผู้ใหญ่บ้าน จึงประสานไปยังผู้นำชุมชนใกล้เคียงเพื่อสอบถามถึงกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุ จนทราบว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เดินทางมาจากอำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ข้ามถิ่นมาเที่ยวงานรถแห่ และก่อเหตุในครั้งนั้น จึงได้ประสานให้นำตัวกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุ เข้ามาพูดคุยปรับความเข้าใจกัน จนในที่สุดผู้นำชุมชนสามารถนำกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ พร้อมกับพ่อแม่ผู้ปกครอง เดินทางเข้ามาพบเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเบื้องต้นพบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นที่ร่วมก่อเหตุรุมทำร้ายในครั้งนี้จำนวน 13 ราย


จากการสอบถามเพิ่มเติมทราบว่าขณะรถแห่ทำการแสดง นายภูวิศ ผู้บาดเจ็บ ได้เดินไปยื่นเหล้าให้หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุ พร้อมตบหัวหยอกล้อกันเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน จึงทำให้กลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุเกิดความไม่พอใจ กระโดดเข้าชกต่อยตีนายภูวิศ หลังจากนั้นเพื่อนๆ กลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุก็เข้ามาช่วยรุมสกรัมแบบสหบาทาตามภาพที่ปรากฏในคลิป จากการสอบถามกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ บางรายก็ยอมรับว่ารุมตีจริง ขณะที่อีกหลายรายอ้างว่าเข้าไปช่วยห้ามปรามเพื่อน


อย่างไรก็ตาม หลังจากวัยรุ่นทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว ต่างยินดีจับมือ ไม่เอาความต่อกัน พร้อมกับยุติปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้บาดเจ็บก็ไม่ประสงค์ดำเนินคดี เพราะตัวเองก็มีส่วนในความผิดที่เกิดขึ้น พร้อมร่วมทำบันทึกข้อตกลงยุติปัญหาความขัดแย้งระหว่างกันและจะไม่ไปก่อเหตุทะเลาะวิวาทในงานใดๆ อีก เรื่องราวจึงจบลงด้วยดี นับเป็นการนำ “ระบบยุติธรรมชุมชน” มาใช้อย่างได้ผล






กำลังโหลดความคิดเห็น