จันทบุรี - เดือดวงการทุเรียน “เจ๊น้อง ควีน โฟเซ่น” โพสต์เฟซบุ๊กแฉทุเรียนทุเรศโผล่ตลาดไท ร้องหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบ ด้านตลาดไท แจงทุเรียนกล่องไม่สามารถเข้าขายในตลาดได้ ยกเว้นพื้นที่รอบนอกที่ไม่ได้อยู่ในการดูแล ขณะทีมเล็บเหยี่ยวจันทบุรี เร่งตรวจสอบล้งในพื้นที่ทันที
จากกรณีที่ นางวรัญญภัคก์ ศรีมหัทธนเวคิน หรือที่รู้จักกันในวงการทุเรียนว่า “เจ๊น้อง ควีน โฟเซ่น” ซึ่งใช้เฟซบุ๊กชื่อแม่น้อง missqueen ได้โพสต์ภาพทุเรียนที่บรรจุอยู่ภายในลัง และตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมข้อความ “ทุเรียนเนื้อแบบนี้ หนามนี้ส่งออกได้ด้วยหรือ เจริญแหละประเทศไทย" งงในงง😂😂😂 ใครรู้ช่วยตอบหน่อยมือใหม่งงงงงงง”
และภายหลังโพสต์ดังกล่าถูกเผยแพร่ในออนไลน์ ปรากฏว่าได้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นในลักษณะคล้ายกันว่า ทุเรียนที่ในภาพเป็นทุเรียนไม่ได้คุณภาพ หรือที่เรียกกันในกลุ่มผู้ค้าว่า “ทุเรียนทุเรศ”
วันนี้ (17 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก “ เจ๊น้อง ควีน โฟเซ่น” หรือนางวรัญญภัคก์ ว่า ภาพทุเรียนที่โพสต์ในออนไลน์เป็นทุเรียนที่ส่งออกไม่ได้ เนื่องรถบรรทุกทุเรียนเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ และชิปปิ้งได้นำมาส่งขายให้ผู้ค้าในตลาดไท โดยที่ขั้วทุเรียนมีการติดสติกเกอร์ระบุที่มาอย่างชัดเจน
และเมื่อดูด้วยตาเปล่าพบว่า ทั้งผล (หนาม) และเนื้อทุเรียนไม่ได้คุณภาพ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ามีการตัดเบียดมา แต่ที่ข้องใจมากกว่าคือ สภาพทุเรียนที่ปรากฏทำให้เกิดคำถามว่ามีการตรวจสอบคุณภาพหรือไม่ เพราะหากปล่อยทุเรียนในลักษณะนี้ออกไปย่อมทำให้เสียชื่อทุเรียนไทย
“เจ๊น้อง” ยังบอกว่าหลังโพสต์ภาพดังกล่าวได้มีกลุ่มบุคคลติดต่อเข้ามาเพื่อขอให้ลบภาพพร้อมข้อความ แต่ตนเองยืนยันว่าจะไม่ลบเพราะอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดการตรวจสอบคุณภาพทุเรียนก่อนส่งออกขายทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ จากการรายงานของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 6 หรือ สวพ.6 เมื่อวันที่ 14 เม.ย.2566 ที่ผ่านมา พบว่า มีทุเรียนที่ส่งออกจากไทยไปจีนทางบกแล้ว จำนวน 331 ชิปเมนต์ ทางเรือ 444 ชิปเมนต์ ทางอากาศ 7 ชิปเมนต์ และทางรถไฟ 16 ชิปเมนต์ และตั้งแต่ 1 ก.พ.2566 ถึงปัจจุบันมีการส่งออกทุเรียนแล้วรวมทั้งสิ้น 9,762 ชิปเมนต์
“ตลาดไท” ยันทุเรียนกล่องขายในตลาดไม่ได้ สั่ง จนท.ตรวจสอบทันที
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น ผู้สื่อข่าวได้รับคำชี้แจงจากแหล่งข่าวจากตลาดไท ตลาดค้าส่งผักและผลไม้รายใหญ่ในประเทศไทย ว่าหลังเกิดเหตุผู้บริหารตลาดไทไม่ได้นิ่งนอนใจ และสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบข้อมูลว่า มีผู้ค้า แผงค้ารายใดรับทุเรียนตามภาพที่ปรากฏในโลกออนไลน์เข้ามาขายหรือไม่
และหากพบเป็นไปตามที่ถูกแฉจริงจะเรียกผู้ค้ารายนั้นมาทำการสอบถามข้อเท็จจริง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการนำทุเรียนในลักษณะดังกล่าวเข้ามาขายในพื้นที่
"ผู้บริหารตลาดไท ให้ความสำคัญกับสินค้าที่ออกจากตลาดในทุกประเภท และมีการกำหนดบทลงโทษผู้ค้าที่ฝ่าฝืนมาตรการของตลาด ตั้งแต่ขั้นตักเตือน ไปจนถึงให้ออกจากพื้นที่ และขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามเข้าตลาดกรณีฝ่าฝืนมาตรการที่กำหนดไว้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะทุเรียน ที่ผู้บริหารตลาดไท ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบคุณภาพสินค้าทั้งก่อนเข้ามาและส่งออกไปจากตลาด และจะไม่อนุญาตให้นำทุเรียนกล่องเข้ามาวางจำหน่ายในตลาดอย่างเด็ดขาด"
แหล่งข่าวจากตลาดไท ยังเผยอีกว่า ก่อนเปิดหน้าทุเรียนทุกครั้งทางตลาดจะเชิญ นายชลธี นุ่มหนู อดีต ผอ.สวพ.6 ผู้คร่ำหวอดในวงการทุเรียน และหน่วยงานภาครัฐเข้ามาให้ความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบทุเรียนคุณภาพว่าต้องดูอย่างไร เนื้อแบบไหน ซึ่งผู้ประกอบการ และผู้ค้าในตลาดจะเข้าใจกันดี
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดนอกพื้นที่รับผิดชอบของตลาดไท เพราะตัวตลาดไท มีพื้นที่ราว 542 ไร่ และโดยรอบตลาดไท มีห้องเย็น และผู้ประกอบการค้าทุเรียนตั้งอยู่หลายราย จึงอาจถูกเหมารวมว่าเป็นพื้นที่ตลาดไท ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่ใช่
นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวยังได้รับรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ทีมเล็บเหยี่ยว สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ที่คาดว่าจะรับแพกทุเรียนให้ผู้ประกอบการที่ถูกระบุในสติกเกอร์บนขั้วทุเรียนทุเรียนแล้ว ซึ่งพบว่ามีอยู่ประมาณ 6-7 ล้ง ซึ่งหากมีความคืบหน้าอย่างไรจะเร่งรายงานให้ทราบในทันที
