ลำปาง - ไฟไหม้ป่าดอยพระบาทย่างเข้าวันที่ 4 ยังไม่ดับ..แถมลามข้ามเขามาฝั่งศาลากลางฯ ลำปาง เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังเสริมจากนอกพื้นที่ผลัดเปลี่ยนช่วยสกัดกันทั้งกลางวันกลางคืน ขณะที่ค่าฝุ่นพุ่งเกือบ 200 ไมโครกรัมฯ
สถานการณ์ไฟไหม้ป่าบนดอยพระบาท อ.เมืองลำปาง ซึ่งเริ่มลุกไหม้จากฝั่งของป่าชุมชนบ้านผาลาด ม.4 ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง ตั้งแต่ 12 เม.ย. ลุกลามรุนแรงขึ้นตามลำดับจนเกือบรอบดอยพระบาท กระทั่งคืนที่ผ่านมา (14 เม.ย. 66) ไฟได้ไหม้ลุกลามเข้าสู่พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขลางค์บรรพต ลามลงมาทางศาลากลางจังหวัดลำปาง-วัดม่อนพระยาแช่ และสวนรุกขชาติพระบาท ซึ่งเห็นเปลวเพลิงลุกโชนบนดอยอย่างน่ากลัว
ขณะที่สถานีไฟป่าและอุทยานฯ ได้จัดกำลังเข้าไปช่วยสกัดกั้นทั้งคืนทั้งวัน แต่เนื่องจากภูมิประเทศที่สูงชันสภาพพื้นที่เป็นป่าไผ่และหญ้าแห้ง ทำให้ยากต่อการทำแนวควบคุมไฟ ประกอบกับอากาศที่ร้อนจัด ทำให้เกิดกระแสลมแรง ส่งผลให้ไฟเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วและกระจายไปตามจุดต่างๆ ทำให้ยากต่อการดับและเสี่ยงอันตราย
ล่าสุดวันนี้ (15 เม.ย. 66) จนท.ดับไฟของ สบอ.ที่ 13 (สาขาลำปาง) ได้บูรณาการกำลังจากนอกพื้นที่เข้ามาเสริม ร่วมกับ สถานีฯ ม่อนพระยาแช่ ชุด อช.เขลางค์บรรพต และชุดเหยี่ยวไฟ กรมป่าไม้ เดินเท้าขึ้นไปตามจุดที่ยังคงมีควันไฟคุกรุ่นบนยอดดอยเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดลำปางพุ่งสูงสุดอยู่ที่ 186 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พื้นที่ตำบลพระบาท เขตอำเภอเมืองลำปาง ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ 167 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ 164 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ 162 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตฐานมาแล้ว 67 วัน และอยู่ในเกณฑ์ 12 พื้นที่ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งลำปางอยู่อันดับ 3 รองมาจากเชียงราย และเชียงใหม่
