บุรีรัมย์ - เกิดเหตุระทึกไฟไหม้ห้องประชุมตึกฉุกเฉิน รพ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ วัสดุครุภัณฑ์ เตียงผู้ป่วยและอุปกรณ์การแพทย์ที่เตรียมเปิดรับบริจาคเลือดเช้าวันนี้เสียหายทั้งหมด จนท. คนไข้ และญาติผู้ป่วยแตกตื่นตกใจวิ่งหนีตายออกจากตึก จนท.ดับเพลิงเร่งฉีดน้ำสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลาม คาดไฟฟ้าลัดวงจร โชคดีไม่มีบาดเจ็บ
วันนี้ (7 เม.ย.) เมื่อเวลา 06.45 น. พ.ต.ท.ศิริชัย เจริญศิริ สารวัตร (สอบสวน) สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุเพลิงไหม้บริเวณชั้น 4 ตึกฉุกเฉินโรงพยาบาลประโคนชัย จึงได้รายงาน พ.ต.อ.วิษณุ อาภรณ์พงษ์ ผู้กำกับการ สภ.ประโคนชัย และ พ.ต.ต.รักศักดิ์ หาญประโคน สวป.ประโคนชัย รับทราบ พร้อมทั้งได้ประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลตำบลประโคนชัย อบต.ใกล้เคียง และหน่วยกู้ภัยฯ เร่งเข้าระงับเหตุเพลิงไหม้
ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้ห้องประชุม ชั้น 4 ตึกฉุกเฉินของโรงพยาบาล จากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลประโคนชัย, เทศบาลตำบลโคกม้า, อบต.ประโคนชัย, อบต.ปะทัดบุ, อบต.บ้านไทร, อบต.ปังกู และหน่วยกู้ภัยสว่างประจำจุดประโคนชัย ได้เร่งระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังจุดอื่นๆ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความแตกตื่นตกใจแก่เจ้าหน้าที่ คนไข้ และญาติที่มาเฝ้าผู้ป่วยใน รพ. บางคนวิ่งออกมาอยู่ด้านนอกตึกเพราะกลัวเพลิงจะลุกลาม แต่เคราะห์ดีที่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าห้องประชุมถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด รวมถึงวัสดุครุภัณฑ์ เตียงผู้ป่วย และอุปกรณ์การแพทย์ที่ทาง รพ.เตรียมไว้ทำการเปิดรับบริจาคเลือดวันนี้ ก็ถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด
นายพงษ์ โพธ์แก้ว อายุ 57 ปี ชาวตำบลจระเข้มาก ญาติผู้ป่วย บอกว่า ตอนเช้าจะเข้ามาเยี่ยมญาติที่ รพ. เห็นกลุ่มควันที่บริเวณชั้น 4 ตึกฉุกเฉินของ รพ. และมี จนท.ดับเพลิง เจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มหน้า รพ. ก็ตกใจขับรถวนอยู่หลายรอบเพื่อรอให้เพลิงสงบเจ้าหน้าที่จึงอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมคนป่วยข้างในตึก
ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ คาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ต้องรอทางพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง ส่วนมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบของทาง รพ. สำหรับการให้ข้อมูลรายละเอียดทาง รพ.แจ้งว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ต้องสอบถามนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเท่านั้น