xs
xsm
sm
md
lg

ปคม.รวบ 96 ชาวโรฮิงญา พร้อม 4 ผู้นำพาชาวไทยกลางไร่มันสำปะหลังสังขละบุรี เตรียมไปทำงานที่มาเลเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - ปคม.รวบ 96 ชาวโรฮิงญา พร้อม 4 ผู้นำพาชาวไทยกลางไร่มันสำปะหลัง สารภาพจ่ายค่านายหน้า 10 ล้านจ๊าต โดยใช้ไทย เป็นทางผ่าน เพื่อมุ่งหน้าไปหางานทำเพื่ออนาคตที่ดีกว่าที่ประเทศมาเลเซีย

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. เผยว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีขบวนการขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ทางด้านด่านชายแดนอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นจำนวนมาก วานนี้ (5 เม.ย) จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ สว.กก.5 บก.ปคม. นำกำลังลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมประสาน พ.ต.ท.ชัญญรัต บัวทองจันทร์ รอง ผกก.2 บก.สส.สตม. พ.ต.ท.ตฤณธวัช ปัญญาธร รอง ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.พิเชษฐ์ แสงบัณฑิตย์ สว.กก.2 บก.สส.สตม. พ.ต.ต.หญิง มนัญญา จันทรังษี สว.ตม.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ต.เมธี ธีระสวัสดิ์ สว.ตม.จว.กาญจนบุรี พ.ต.ท.ธีรพงษ์ บุญชูวงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาญนนบุรี รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.วศิน พลายศิริ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาญจนบุรี ร่วมหาข่าวในการติดตามจับกุมขบวนการดังกล่าว

จนกระทั่งเวลา 23.00 น. ของวันที่ 5 เม.ย. เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะ จำนวน 5 คัน วิ่งอยู่ถนนภายในป่าไร่มันสำปะหลัง ท้องที่บ้านพุเลียบ หมู่ 5 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการปิดล้อมเพื่อป้องกันการหลบหนี จากนั้นจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม ระหว่างเข้าจับกุมคนขับรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียนปลอม 9 กญ 5791 กรุงเทพมหานคร อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้ ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถเปล่าที่ใช้สำหรับวิ่งนำทาง

สำหรับรถยนต์กระบะอีก 4 คัน ดัดแปลงท้ายกระบะเป็นคอกทึบ ภายในรถยนต์ทั้ง 4 คัน อัดแน่นไปด้วยแรงงานต่างด้าว นับรวมกันได้ จำนวน 96 ราย เป็นชาย 76 ราย หญิง 20 ราย ทั้งหมดเป็นชาวโรฮิงญา มาจากประเทศบังกลาเทศ หลังจากจับกุมตัวได้เจ้าหน้าที่จึงนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมตรวจยึดรถยนต์กระบะที่ใช้เป็นพาหนะ 4 คัน เอาไว้เป็นของกลาง ประกอบด้วย 1.รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒญ 3840 กรุงเทพมหานคร 2.รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีเทา หมายเลขทะเบียน 3 ฒบ 2223 กรุงเทพมหานคร 3.รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 ฒอ 4875 กรุงเทพมหานคร และ 4.รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒร 2819 กรุงเทพมหานคร

ส่วนคนขับรุยนต์กระบะทั้ง 4 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำของเจ้าหน้าที่ ทราบชื่อคือ 1.นายชีวานนท์ มะสะอะ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/2 หมู่ 9 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา 2.นายชาญชัย แซ่มคา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 หมู่ 1 ต.มหาชัย อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร 3.นายอดิศักดิ์ อินทร์ไทร อายุ 24 ปี ที่อยู่ 70 หมู่ 2 ต.โนนสวรรค์ อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด และ 4.นายพงศัธวัฒน์ เสริมนอก อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 237/52 หมู่ 4 ต.บางเพรียง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ

ล่าสุด วันนี้ (6 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ยังสอบปากคำไม่แล้วเสร็จ โดยมีนางจันทร์จิรา พัฒนศิริ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ พม.กาญจนบุรี ได้เดินทางมาร่วมสอบปากคำในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากเกรงว่าการขนชาวโรฮิงญาเข้ามาในไทยครั้งนี้อาจจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์

โดยการสอบปากคำชาวโรฮิงญาในครั้งจะต้องสอบปากคำผ่านล่าม โดยมีล่าม 2 คนมาช่วยแปลเป็นภาษาไทย การสอบปากคำในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ปคม.ได้จัดทำบันทึกประวัติของแต่ละคนเอาไว้อย่างละเอียด ส่วนเจ้าหน้าที่ พม.กาญจนบุรี ได้สอบปากคำแต่ละคนอย่างละเอียดด้วยเช่นกัน จากการสอบปากคำในเบื้องต้นพบว่าไม่เข้าข่ายการค้ามนุษย์ เนื่องจากทุกคนให้ปากคำตรงกันว่า สมัครใจมาเองโดยไม่มีใครบังคับ แต่ต้องจ่ายค่านายหน้าให้ชาวชาวพม้าไปคนละ 10 ล้านจ๊าต หรือประมาณ 120,000 บาทไทย โดยจ่ายให้นายหน้าขณะที่อยู่ชายแดนฝั่งประเทศพม่า ตรงข้ามชายแดนแม่สอด จ.ตาก

โดย 1 ในชาวโรฮิงญาให้การผ่านล่ามว่า พวกตนนั่งรถไฟมาจากประเทศบังกลาเทศ เมื่อข้ามมาถึงฝั่งประเทศพม่า ได้พักอาศัยอยู่ตามป่า จากนั้นนั่งรถไฟที่ประเทศพม่าเพื่อมาชายแดนที่ติดกับอำเภอแม่สอด จ.ตาก บางเส้นทางต้องเดินเท้าลัดเลาะไปตามป่า สุดท้ายนายหน้าได้นำพวกตนมาข้ามชายแดนฝั่งอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชาวโรฮิงญาที่ถูกจับกุมนั้น ทุกคนต้องการหนีออกจากประเทศเพื่อข้ามไปหาญาติที่ทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย บางรายญาติที่อยู่ประเทศมาเลเซียได้ส่งเงินมาให้เพื่อใช้เป็นค่าเดินทาง บางรายถึงกับยอมขายที่ดินที่มีอยู่ เพราะทั้งหมดต้องการไปหางานทำที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อจะได้มีอนาคตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในประเทศของตนเอง

โดยหากผลการสอบสวนแล้วพบว่าคดีดังกล่าวไม่เข้าข่ายการค้ามนุษย์ เจ้าหน้าที่ ตม.กาญจนบุรี จะรับตัวไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ก่อนที่จะผลักดันกลับสู่ประเทศต้นทาง ส่วนผู้ต้องหาที่ให้ความช่วยเหลือที่เป็นคนขับรถยนต์กระบะทั้ง 4 คัน จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป










กำลังโหลดความคิดเห็น