ศูนย์ข่าวศรีราชา - “บุญเลิศ น้อมศิลป์” อดีตนายกเทศบาลนครแหลมฉบัง ชูแหลมฉบัง ต้องเป็น “เมืองพิเศษ” ด้านอดีตอนุ กมธ.การบริหารราชการรูปแบบพิเศษและการกระจายอำนาจ แนะอาศัยช่วงมีการหาเสียงเลือกตั้ง สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่จะช่วยผลักดันต่อ
วันนี้ (5 เม.ย.) ห้องประชุมเมืองท่า ศูนย์ราชการเทศบาลนครแหลมฉบัง ได้จัดให้การประชุมปรึกษาหารือคณะผู้บริหาร และ สมาชิกสภาเทศบาลนครแหลมฉบัง ครั้งที่ 4/2566 โดยมี นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ ประธานที่ปรึกษาคณะผู้บริหารเทศบาลนครแหลมฉบัง เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วย นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล ผู้ทรงคุณวุฒิ รองปลัดเทศบาล และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมประชุม ซึ่งการประชุมในครั้งนี้มีประเด็นในวาระอื่นๆ คือเรื่องการติดตามความคืบหน้าของการยกระดับจากเทศบาลนครแหลมฉบัง ขึ้นเป็นเมืองพิเศษ ซึ่ง นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแหลมฉบังในสมัยนั้นได้เป็นผู้ริเริ่มและผลักดันมาโดยตลอด
โดยนางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง กล่าวว่า “เมืองแหลมฉบัง ถือว่ามีความพร้อมที่สุด แหลมฉบังเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศ แหลมฉบังมีโรงกลั่นน้ำมัน มีโรงงานอุตสาหกรรม มีดิจิทัลปาร์ค ของโครงการ EEC โครงการใหญ่ที่รัฐบาลกำหนดมาเกิดที่แหลมฉบัง เพราะฉะนั้นพื้นที่ของแหลมฉบังถือเป็นเมืองพิเศษที่มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ในทุกมิติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปา เราได้มีการประชุม เราได้มีการประสานแต่แรกเริ่มในการเดินท่อขนาดใหญ่เข้ามาในพื้นที่ ถนนหนทางได้มีการขยับขยาย และได้เพิ่มขึ้นมาอีกหลายเส้น เรียกได้ว่าพื้นที่แหลมฉบังแห่งนี้มีความพร้อมมากที่จะเป็นเมืองพิเศษได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับในส่วนของพี่น้องประชาชนจะได้อะไรจากการยกระดับขึ้นมาเป็นเมืองพิเศษนั้น บอกเลยว่า พี่น้องประชาชนชาวแหลมฉบังจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องภาษีการจัดเก็บรายได้จะมีมากขึ้น ซึ่งเราสามารถนำมาบำรุงและพัฒนาพื้นที่แหลมฉบังให้มีการเจริญเติบโต และมีความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปอย่างแน่นอน และในเรื่องของการกำกับดูแลในด้านต่างๆ นั้นจะต้องมีความพิเศษมากกว่าที่อื่นๆ เมืองแหลมฉบังแห่งนี้ควรที่จะต้องมีกฎหมายพิเศษ
เนื่องจากในพื้นที่แหลมฉบังเป็นแหล่งพื้นที่อุตสาหกรรม มีพื้นที่ปิโตรเครมี มีท่าเรือสากลระดับโลก มีดิจิทัลปาร์ค มีพื้นที่หลากหลายที่เมืองแหลมฉบังของเรา ดังนั้น จึงต้องมีกฎหมายพิเศษขึ้นมารองรับเพื่อการบริหารจัดการได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด และทางรัฐบาลจะต้องจัดงบประมาณส่งมาให้ทางเมืองพิเศษของเราโดยตรงอีกด้วย ซึ่งไม่เหมือนกับทางเทศบาลอื่นๆ และในเรื่องภาษีจะได้มากกว่าเทศบาลปกติ เมื่อเราได้มีการจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น จะเอามาดูในเรื่องของสวัสดิการ การบริการทางสาธารณะต่างๆ ที่จะมาทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่อยู่ดีมีความสุข
ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.ธัชเฉลิม สุทธิพงษ์ประชา อดีตอนุกรรมาธิการคณะอนุกรรมาธิการการบริหารราชการรูปแบบพิเศษและการกระจายอำนาจ กล่าวว่า ทางเทศบาล และนายบุญเลิศ น้อมศิลป์ ได้นำเอาข้อมูลและผลงานต่างๆ ที่ได้ทำกันมานำเสนอไปแล้ว และได้ผ่านที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือได้นำเสนอ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งท่านได้เซ็นและส่งต่อไปที่คณะรัฐมนตรีแล้ว กระบวนการต่อไปคือ ในช่วงนี้รักษาการอยู่ ยังทำอะไรมากไม่ได้ แต่กฎหมายได้เปิดช่องเอาไว้ว่า หลังจากได้รัฐบาลใหม่ภายใน 6 เดือน ร่างกฎหมาย ร่างข้อเสนอของทางสภาเดิมเคยให้อะไรไว้ มีเวลา 6 เดือน รัฐบาลใหม่ต้องนำมาปัดฝุ่นพิจารณา
ซึ่งทางเราจึงเสนอเข้าไปว่า ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้ ช่วงหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ เหล่านี้ สะท้อนให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองต่างๆ ได้รับรู้เลยว่า เมืองแหลมฉบังแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ของประเทศ สมควรที่จะถูกยกขึ้นเป็นเมืองพิเศษ หากผู้สมัครหรือพรรคการเมืองที่หาเสียงกันอยู่ในขณะนี้มีความจริงจัง และจริงใจที่จะช่วยกันผลักดันให้เมืองแหลมฉบังเป็นเมืองพิเศษขึ้นมาได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก การที่จะยกระดับให้เป็นเมืองพิเศษ มีอำนาจพิเศษจะสามารถช่วยยกระดับความน่าสนใจของ EEC ได้เป็นอย่างดี แต่ทุกวันนี้ EEC ไม่มีบทบาทอะไรเลย ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ” รองศาสตราจารย์ ดร.ธัชเฉลิม กล่าวในที่สุด