จันทบุรี - บทเรียนตัดทุเรียนไม่ตรวจสอบสอบ ล้งท่าใหม่สั่งพ่อค้าทุเรียนตัดทุเรียนขายไม่ตรวจสอบให้ดีตัดขั้ว-ป้ายยาแล้วกว่า 800 กก. บอกทุเรียนด้อยคุณภาพไม่รับซื้อจ่ายค่าเสียหายเพียง 2 หมื่น ทำพ่อค้าโวย สุดท้าย สวพ.6 เข้าตรวจสอบพบทุเรียนอ่อน 4 เข่ง รับผิดชอบกันไปคนละครึ่ง
วันนี้ (5 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าเกิดข้อพิพาทระหว่างล้งรับซื้อทุเรียน กับพ่อค้าตัดทุเรียน ภายในล้งรับซื้อทุเรียนใกล้ตลาดเนินสูง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี หลังพ่อค้าตัดทุเรียนเพื่อรอขายให้ล้งรับซื้อ ซึ่งล้งรับซื้อได้ทำการคัดแยกทุเรียนลงเข่ง และทำการตัดขั้วไปกว่า 800 กิโลกรัม แต่กลับแจ้งพ่อค้าทุเรียนว่าทุเรียนด้อยคุณภาพ จนทำให้เกิดปัญหาและตกลงกันไม่ได้
สุดท้ายต้องร้องไปเจ้าหน้าที่สำนักวิจัยพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 ( สวพ.6) และเจ้าหน้าที่เกษตร อ.ท่าใหม่ ร่วมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจเข้าตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบ นายมายุ มะนัดไธสง พ่อค้ารับตัดทุเรียน บอกว่าช่วงกลางดึกคืนวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ไปตัดทุเรียนในสวนของชาวบ้าน อ.ขลุง เพื่อนำมารอส่งขายให้ล้งที่เกิดปัญหาเนื่องจากเป็นล้งที่รู้จักกัน และเจ้าของล้งได้ไลน์ไปสั่งให้ตัดทุเรียนหมอนทองมาส่งเกือบ 2 ตัน และเมื่อนำทุเรียนส่งให้เสมียนและลูกจ้างภายในล้งทำการคัดทุเรียนลงเข่งจำนวน 8 เข่ง
แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ภายในล้งรับซื้อทุเรียนกลับบอกว่าทุเรียนที่ตนเองตัดมาขายด้อยคุณภาพ และจะไม่รับซื้อ ทั้งที่ได้ทำการตัดขั้วและป้ายน้ำยาจึงทำให้ตกลงกันไม่ได้
“เพราะทางล้งได้ตัดขั้วทุเรียนไปแล้วค่อยมาบอกว่าทุเรียนไม่ดี อีกทั้งยังไม่มีการวัดแป้งและเปอร์เซ็นต์น้ำตาล ซึ่งเรายอมที่จะขายแบบขาดทุนให้ในราคากิโลกรัมละ 120 และ 150 บาท ทั้งที่ซื้อจากสวนในราคากิโลกรัมละ 145 บาท แต่ทางล้งยืนยันจะจ่ายค่าเสียหายในกรณีทุเรียนที่ถูกตัดขั้วไปแล้วเพียง 20,000 บาท ทั้งที่เราเสียเงินซื้อทุเรียนไปแล้วหลายแสนบาท และเจ้าของล้งยังบอกว่าจะไม่รับผิดชอบใดๆ จนต้องเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ท่าใหม่” นายมายุ พ่อค้ารับตัดทุเรียน กล่าว
ด้าน น.ส.นวรัตน์ ราชบัวโฮม ตัวแทนล้งรับซื้อทุเรียน บอกว่าระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทำการคัดทุเรียนกว่า 800 กิโลกรัมที่ นายมายุ นำมาขายให้พบว่ามีทุเรียนเนื้อค่อนข้างต่ำติดมาด้วย ซึ่งในเบื้องต้นทางล้งยอมรับในเรื่องของความผิดพลาดระหว่างการคัดที่มีการตัดขั้วและป้ายน้ำยา ซึ่งทีมตรวจทุเรียนได้ตกลงขอคืนทุเรียนทั้งหมดกว่า 800 กิโลกรัม และจะชดใช้ค่าเสียหายในกรณีข้อผิดพลาดเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท แต่คนขายไม่ยินยอมและจะให้ซื้อทุเรียนทั้งหมด
“ทางล้งรับซื้อทุเรียนไม่ได้ทั้งหมดเพราะมีทุเรียนที่มีเนื้อค่อนข้างต่ำ หรือทุเรียนอ่อนรวมอยู่ด้วย หากซื้อไปทางล้งจะมีความผิดเรื่องการรับซื้อขายทุเรียนอ่อน แต่คนขายไม่ยอมจนต้องขอให้ทางเกษตรอำเภอ เข้าตรวจซึ่งทุเรียนลูกไหนมีคุณภาพทางล้งจะรับซื้อทั้งหมด แต่ถ้าไม่มีคุณภาพคนขายต้องนำกลับไป” ตัวแทนล้งรับซื้อทุเรียน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเย็นวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จาก สวพ.6 และเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอท่าใหม่ พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง ได้นำเครื่องตรวจวัดเปอร์เซ็นต์มาตรฐานความอ่อนแก่ของทุเรียนเข้าตรวจหาค่าของทุเรียนที่มือตัดนำมาขาย โดยให้ผู้ขายแยกทุเรียนที่มั่นใจว่ามีคุณภาพออกมา และให้ผู้สื่อข่าวซึ่งเป็นคนกลางหยิบทุเรียนออกมาคนละ 1 ลูกเพื่อนำมาผ่าเนื้อทุเรียนตรวจหามาตรฐานความอ่อนแก่
โดยทุเรียนหมอนทองจะมีมาตราฐานความอ่อนแก่อยู่ที่ 32% ซึ่งผลการตรวจพบว่าทุเรียนลูกที่ 1 มีน้ำหนักเนื้อแห้ง 33% ลูกที่ 2 มีน้ำหนักเนื้อแห้ง 21% ลูกที่ 3 มีน้ำหนักเนื้อแห้ง 36% ซึ่งสรุปได้ว่าทุเรียน 2 ใน 3 ผ่านเกณฑ์ข้อกำหนด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งผลให้เจ้าของล้งและคนขายทราบ ซึ่งทั้งสองฝ่ายยอมรับในผลการตรวจ
เบื้องต้น ทางล้งจึงได้คัดทุเรียนที่มีคุณภาพลงเข่ง และพบว่ามีทุเรียนคุณภาพต่ำรวมอยู่จนต้องคัดแยกออกจำนวน 4 เข่ง ซึ่งล้งและคนขายจะรับผิดชอบทุเรียนอ่อนคนละ 2 เข่ง เพื่อจบปัญหาข้อพิพาทในการค้าขายทุเรียนครั้งนี้