ภายหลังจากที่ กกต.ชลบุรี ได้เปิดรับสมัคร ส.ส.ชลบุรี แบบแบ่งเขตเลือกตั้งวันแรกตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา ณ อาคารอเนกประสงค์เทศบาลเมืองบ้านสวน จ.ชลบุรี ที่การเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 ในครั้งนี้คอการเมืองทั้งในพื้นที่และคอการเมืองระดับประเทศต่างจับตาการต่อสู้ทางการเมืองครั้งใหญ่ระหว่าง นายสนธยา คุณปลื้ม บ้านใหญ่แกนนำพรรคเพื่อไทยชลบุรี และ นายสุชาติ ชมกลิ่น บ้านใหม่ดีกรี รมว.แรงงาน แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ต่างนำผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 10 เขตเข้าสมัครและจับหมายเลขโดยพร้อมเพรียงกัน
โดยคอการเมืองต่างคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าหลัง นายสมชาย คุณปลื้ม เจ้าพ่อภาคตะวันออกจากไป สมรภูมิการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติของ จ.ชลบุรี จะดุเดือดและร้อนเป็นไฟ เพราะกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่เคยอยู่ในสังกัดจะไม่ยอมรับหัวเรือคนใหม่อย่าง นายสนธยา คุณปลื้ม และสุดท้ายก็เป็นเช่นนั้นตามคำทำนาย
และในศึกเลือกตั้งระดับชาติที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ก็เชื่อว่าเขตเลือกต่างๆที่ถูกแบ่งพื้นที่ให้มีจำนวนมากถึง 10 เขตจะมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดเนื่องจากมีพรรคการเมืองต่างๆ ส่งลูกทีมลงสมัครครบทั้ง 10 เขตมากกว่า 10 พรรค อาทิ พรรคก้าวไกล, ภูมิใจไทย ,เสรีรวมไทย ,ประชาธิปัตย์ ฯลฯ
โดยเฉพาะมวยคู่เอกอย่าง นายสนธยา คุณปลื้ม ที่นำลูกทีมลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ มาสวมเสื้อสีแดงสังกัดพรรคเพื่อไทย ส่วน นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ก็ได้ย้ายจากพรรคพลังประชารัฐ ไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ จันทรโอชา โดยมีเป้าหมายเป็นแกนนำโกยเก้าอี้ ส.ส.ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก
ทั้งนี้มีรายงานในพื้นที่ว่ากลุ่มการเมืองทั้ง 2 ฝ่ายมีการตั้งเวทีปราศรัยพูดพาดพิงถึงกันต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ นายสนธยา คุณปลื้ม ก็เคยกล่าวปราศรัยถึง นายสุชาติ ชมกลิ่น บนเวทีหาเสียงใหญ่ที่ศาลากลาง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมาระบุว่า นายสุชาติ มีวันนี้ได้ก็เพราะกลุ่มบ้านใหญ่ตระกูลคุณปลื้ม ที่ให้การสนับสนุนมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นนักธุรกิจตัวเล็กๆ กระทั่งลงสมัคร ส.ส.ชลบุรี ในปี 2554 ในนามพรรคพลังชล ทั้งๆในครั้งนี้นมีการวางตัวผู้สมัครคนอื่นไว้แล้วแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเปิดทางให้ นายสุชาติ ได้เสียบแทน
ขณะที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น ก็ได้ออกมาตอบโต้ว่า นายสนธยา พูดปราศรัยด้วยการเหยียดหยามตนเอง ดังนั้นการเลือกตั้งใหญ่ในครั้งนี้จะต้องมีการสะสาง และวิธีการที่ดีที่สุดก็คือการทำให้ ทีมของ นายสนธยา พ่ายแพ้ในทุกเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะในเขตเลือกตั้งที่ 6 ที่มี นางสุกุมล คุณปลื้ม ภรรยา ลงสมัครหมายเลข 8
ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ส่ง นายสมเจตน์ เกตุวัตถา อดีตนายกเทศบาลตำบลบางพระ ที่คลุกคลีกับงานการเมืองในพื้นที่มานเกือบ 40 ปีลงชิงเก้าอี้ ส.ส. โดยชูนโยบายที่ชัดเจนในการช่วยเหลือประชาชน
สนามเลือกตั้งชลบุรีในปีนี้ จึงไม่ใช่แค่คนชลบุรีเท่านั้นที่รอลุ้นว่าสุดท้ายแล้วใครคือ “มังกรบูรพาตัวจริง” เพราะต้องไม่ลืมว่าในชั่วโมงนี้ นายสุชาติ มีบารมีมาล้นไม่แพ้คนในบ้านใหญ่ตระกูลคุณปลื้มเ หลังทำผลงานในช่วงที่เป็น รมว.แรงงาน ได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมและภาคการท่องเที่ยวในช่วงระบาดโควิด-19 ชนิดได้ใจผู้ประกอบการ ทั้งการออกมาตรอัดฉีดเงินช่วยเหลือ ปรับลดอัตราการจัดเก็บค่าประกันสังคมฯลฯ
ประกอบกับนโยบายรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ ที่ออกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ไม่นับรวมโครงการพัฒนาต่างๆ ใน อีอีซี.ที่ทำให้เศรษฐกิจของ จ.ชลบุรี ยังเดินหน้าต่อไปได้
ไม่เพียงเท่านั้นการเพิ่มเขตเลือกตั้งจาก 8 เขตให้เป็น 10 เขตเลือกตั้ง โดยเพิ่มใส่วนของเมืองพัทยาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยรอบ ที่มีประชากรส่วนเกินกว่าที่กฎหมายที่กำหนดไว้ที่เขตละ 1.5 แสนคนก็ถือว่าสามารถสร้างขอได้เปรียบและเสียเปรียบในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี
และการเลือกตั้งใน นายสนธยา คุณปลื้ม ได้ฉก นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ มาร่วมทีม ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ นายรณเทพ อนุวัฒน์ อดีตส.ส.ชลบุรี จากพลังประชารัฐมาเป็นกำลังหลักจึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่น่าจับตา
เช่นเดียวกับการเลือกตั้งเขต 9 ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างเมืองพัทยา ที่จำนวน 12 หมู่ในเขต ต.หนองปรือ อ.บางละมุง ที่ นายสนธยา ส่ง นายแมน อินทรพิทักษ์ อดีต สจ.ชลบุรี ลงสมัครชิงเก้าอี้ ส.ส. ชนกับคู่ นายนิรันดร์ วัฒนศาตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา ที่มาในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นที่จับตาว่าสุดท้ายบารมีอดีตนายกเมืองพัทยา จะยังมีมากน้อยเพียงใด
แต่แม้ศึกชิงเก้าอี้ ส.ส.เมืองชลบุรีในปีนี้จะมีมวยคู่เอกอย่างนายสนธยา และนายสุชาติ แต่คอการเมืองก็ยังไม่ลืมว่าพรรคตาอยู่ที่คอยฉกเก้าอี้จากมวยคู่เอกก็ยังมี ไม่ว่าจะเป็น พรรคก้าวไกล และ “พรรคพลังประชารัฐ ที่สุดท้ายอาจกวาดเก้าอี้ได้แบบเนียนๆ เช่นกัน