เชียงใหม่-คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ส่งสารแสดงความห่วงใยสถานการณ์วิกฤตหมอกควัน ส่งผลกระทบสุขภาพประชาชนอย่างหนัก ทำให้จำนวนผู้ป่วยพุ่งเพิ่มแต่ไม่สามารถเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้เนื่องจากหอผู้ป่วยเต็มต่อเนื่อง ย้ำฝุ่น PM2.5พิษภัยรุนแรงทำเสียชีวิตเฉียบพลันได้ เตือนเลี่ยงทำกิจกรรมนอกอาคารและปิดประตูหน้าต่างมิดชิดอยู่ในบ้าน หากจำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากแบบที่มีประสิทธิภาพป้องกัน
จากสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควัน ไฟป่า และคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงรุนแรงอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชนต่อเนื่องนั้น วันนี้(1 เม.ย.66) รายงานจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีความเป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเรื่องผลกระทบด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นกับประชาชน พร้อมให้คำแนะนำข้อปฏิบัติในการปกป้องดูแลสุขภาพ โดยศาสตราจารย์ (เชี่ยวชาญพิเศษ) นายแพทย์บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่งสารจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ลงวันที่ 31 มี.ค.66 เรื่อง “วิกฤตหมอกควันต่อภาวะสุขภาพประชาชน” ซึ่งสารดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้
สถานการณ์วิกฤตหมอกควันที่เกิดขึ้นอย่างหนักในทุกพื้นที่ของภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้ มลพิษอากาศฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน มีผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน และโรคเยื่อบุตาอักเสบ มีอาการกำเริบ เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จำนวน 12,671 ราย ( สถิติ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม จนถึง 31 มีนาคม 2566 ) และยังมีผู้ป่วยที่ไม่สามารถเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ เนื่องจากหอผู้ป่วยเต็มอย่างต่อเนื่อง
ฝุ่น PM 2.5 ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมถึง 20 กว่าเท่า เมื่อหายใจเข้าไปแล้ว สามารถเล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าสู่ปอดและหลอดลมได้ นอกจากนี้ยังมีฝุ่น PM 0.1 ซึ่งเป็นฝุ่นละเอียดขนาดเล็กมาก สามารถทะลวงผ่านถุงลมเข้าสู่ระบบเลือด ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจและสมองอุดตัน หัวใจวาย หลอดเลือดในสมองตีบ หอบหืดกำเริบ รวมทั้งอาการอื่นๆร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต
บุคลากรทางการแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การวิกฤตหมอกควันภาคเหนือในขณะนี้เป็นอย่างยิ่ง จึงขอให้ประชาชนทุกท่านดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว โดยเริ่มจากตัวท่านเองต้องไม่เผาไม่เป็นต้นเหตุของปัญหาในการทำให้เกิดมลพิษ หมั่นตรวจสอบปริมาณฝุ่น PM2.5 ในอากาศ จากแอปพลิเคชันรายงานดัชนีคุณภาพอากาศหรือเครื่องวัดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ
หากระดับเกิน 35 ไมโครกรัม/ลบ.เมตร ประชาชนกลุ่มเสี่ยงควรลดการทำกิจกรรมนอกอาคาร หากระดับเกิน 50 ไมโครกรัม/ลบ.เมตร ควรเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกอาคาร คนทั่วไปควรงดการออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน รวมถึงงดการเข้าร่วมแข่งขันกีฬากลางแจ้งทุกประเภท และหากเกิน 150 ไมโครกรัม/ลบ.เมตร ควรงดการออกนอกอาคาร ปิดประตูหน้าต่างมิดชิด อยู่แต่ภายในบ้าน เปิดเครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้
หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านให้สวมใส่หน้ากากที่ป้องกัน PM 2.5 ชนิด N95 และต้องสวมหน้ากากให้ถูกต้อง เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันอย่างสูงสุด สำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางควรได้รับการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด และหากพบอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
ขอให้ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือมั่นใจว่าแพทย์ พยาบาลและ บุคลากรทางการแพทย์ ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมดูแลประชาชนภาคเหนืออย่างเต็มศักยภาพ”