ศูนย์ข่าวภูมิภาค - แกะรอยขุมทองริมฝั่งน้ำสาย..ส่องเส้นทางทุนเทาไทย-จีน ร่วมค้านอกระบบ ขนทั้งคน-รถ-ของเถื่อน ผ่านอุโมงค์-ชักรอกลงแพล้อยาง-โยน/ลุยน้ำข้ามฝั่ง เข้าออกเย้ยกฎหมายกันทั้งวันทั้งคืน
แนวป่า-ลำน้ำ ที่เป็นเส้นเขตแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยาวประมาณ 40 กิโลเมตร นับเป็นขุมทองทางธุรกิจทั้งบนดินและใต้ดิน เนื่องจากสองฝั่งประเทศเป็นชุมชนเมืองชายแดนที่มีผู้คนหนาแน่น มีการค้าชายแดนกับรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ผ่านแดนต่อไปถึง สปป.ลาว และจีนตอนใต้
เฉพาะท่าขี้เหล็ก ตรงข้าม อ.แม่สาย เป็นจุดผ่านแดนถาวรเพียงแห่งเดียวของรัฐฉานที่ติดกับไทย นอกจากอยู่ใกล้เขตอิทธิพลของชนกลุ่มน้อยที่ทรงอิทธิพลอย่างว้าแดงแล้ว ยังมีกลุ่มทุนชาวจีนเข้ามาตั้งรกรากประกอบกิจการอย่างเอิกเกริกและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
บวกกับลำน้ำสาย ซึ่งเป็นเขตแดน หน้าแล้งตื้นเขิน-กว้างประมาณ 10 เมตร และมีตึกสูงปลูกสร้างติดฝั่งน้ำเรียงรายกัน กลายเป็นแหล่งทำมาหากินของธุรกิจมืดไปโดยปริยาย
ต้นเดือน มี.ค. 2566 ที่ผ่านมาทหารกองกำลังผาเมือง ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้บุกเข้าตรวจค้นบ้านพักภายในชุมชนสายลมจอย เขตเทศบาล ต.แม่สาย อ.แม่สาย ซึ่งตั้งอยู่ติดกับลำน้ำสาย พบมีการเตรียมลักลอบขนรถจักรยานยนต์เกือบ 100 คันผ่านอุโมงค์ลับลอดพื้นบ้านลงริมฝั่ง เพื่อลำเลียงผ่านลำน้ำสายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวอยู่ถัดจากตลาดการค้าชายแดนบริเวณนี้เรียกกันตามภาษาถิ่นว่า "ท่าว้า" ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 ไทย-เมียนมา เพียงไม่กี่ร้อยเมตร ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านปงถุน จ.ท่าขี้เหล็ก ที่ว่ากันว่า..เป็นย่านที่มีว้าและชาวจีนอาศัยอยู่หนาแน่น ฝั่งไทยอยู่
ภายในมีการทำเป็นลานจอดรถกว้างขวาง มีรถจักรยานยนต์จอดเรียงรายเตรียมส่งออกอยู่เต็ม เชื่อมจากลานจอดยังมีช่องทางเป็นอุโมงค์ลอดใต้พื้นบ้านมุ่งตรงไปยังท่าน้ำริมน้ำสาย บางจุดมัดเชือกติดรอก เพื่อมัดรถจักรยานยนต์จากลานจอดชักรอกลงไปยังท่าน้ำก่อนจะขนข้ามฝั่งไปด้วยแพล้อยาง
แหล่งข่าวพื้นที่ชายแดนบอกกับทีมข่าวเฉพาะกิจ MGR Online ย่านนี้ว่ากันว่าเป็นเขตอิทธิพลของ "เจ๊ น." แม่เลี้ยงที่มีชื่อเสียงในแวดวงค้าชายแดน เครือข่ายถูกจับกุมเพราะทั้งแบก-โยน-ขน สุราและบุหรี่จากประเทศเมียนมา ผ่านลำน้ำสายมายัง อ.แม่สาย แล้วหลายครั้ง แต่ก็สาวไปไม่ถึงต้นตอ
ห้วงต้นปี 2561 ที่มีการปิดด่านไทย-เมียนมา ตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ยังมีการลักลอบขนคนต่างด้าวเข้าสู่ประเทศไทย โดยเรียกเก็บเงินหัวละอย่างต่ำ 10,000-30,000 บาท เครือข่ายบางคนถูกเจ้าหน้าที่เรียกไปตักเตือนให้เลิก แต่ก็ยังพยายามเลี่ยงไปขนคนข้ามแดนทางบกด้านดอยผาหมี-ผาฮี้ เรื่อยลงมาจนถึงบริเวณท่าว้า
ขณะที่กลุ่มทุนจีนในท่าขี้เหล็กที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบของสถานบันเทิง โรงแรม ที่พัก ร้านค้า คาราโอเกะ ฯลฯ ซึ่งผุดมาเหมือนดอกเห็ดเพื่อรองรับทั้งกลุ่มคนจีนที่เข้าไปอาศัยอยู่ในท่าขี้เหล็กแล้วหลายพันคนนั้น หนึ่งในกิจการที่เติบโตมากคือ “กลุ่มม้าบิน” ที่แนบแน่นกับเครือข่ายของเจ๊ น. และมีรายงานด้านการข่าวระบุว่า กลุ่มนี้ร่วมกันลักลอบขนคนข้ามฟากอย่างหนักในช่วงที่มีการปิดด่าน จนเจ๊คนดังในวงการได้เงินก้อนโตมาสร้างบ้านหลังใหม่ พร้อมติดตั้งระบบ-อุปกรณ์ รองรับการส่งออก-นำเข้า “สินค้า” ริมน้ำสายอย่างครบครัน
รวมทั้งมีข่าวลือด้วยว่า..เคยมีการประกาศศักดาท้าทายต่อคนที่ออกหน้าเตือนว่า ไม่กลัวถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจับกุมเพราะได้เคลียร์ไปหมดแล้ว จากนั้นได้โหมส่งรถจักรยานยนต์ไปให้กับเครือข่ายทุนจีนฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ซึ่งบางครั้งก็ถูกเจ้าหน้าที่สกัดจับเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ชายแดนแม่สายฝั่งตะวันตกของสะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 นอกจากจะมีท่าว้าแล้ว ยังมี..ท่าหัวฝาย ท่ากำนันส่ง ฯลฯ ส่วนฝั่งตะวันออกของสะพานฯ ยังมีท่าข้ามเรียงรายหลายจุด ประกอบด้วยท่าเจ๊ดาว ท่ากำนันนัย ท่ากะหล่ำ ท่าเวียงหอม ท่าน้ำกลุ่มท่ากลาง ท่าพญานาค ท่าหลังวัดเกาะคำ ท่าลุงหมอ ฯลฯ
ท่าเหล่านี้..หลายแห่งมีการทำรั้วคอนกรีตล้อมรอบ มีประตูเปิดปิดและท่าน้ำ โดยเฉพาะท่าเจ๊ดาวซึ่งเกี่ยวข้องกับนักการเมืองระดับชาติคนหนึ่ง เฉพาะช่วงที่มีการปิดด่านเจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับการกระทำผิดหรือสกัดกั้นไม่ให้มีการลักลอบข้ามฝั่ง ณ จุดนี้ได้หลายครั้ง
แต่แม้ว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหารกองกำลังผาเมือง ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ฯลฯ จะวางกำลังดูแลการกระทำผิดอย่างเข้มงวด แต่เนื่องจากภูมิประเทศของ 2 หัวเมืองชายแดนและสภาพลำน้ำสาย ทำให้กลุ่มขบวนการค้าสินค้าหนีภาษี ค้าของเถื่อน ขนคนต่างด้าว ฯลฯ ยังคงก่อการได้จนถึงทุกวันนี้