ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - พรรคชาติพัฒนากล้าประชุมใหญ่เลือกแคนดิเดตนายกฯ ยังไม่ได้ข้อยุติ คาดชู “กรณ์” หนึ่งเดียว ย้ำส่งผู้สมัคร 100 เขตทั่วประเทศ อ้อนประชาชนขอเก้าอี้ ส.ส.อย่างน้อย 25 ที่นั่ง เพื่อให้มีสิทธิเสนอแคนดิเดตนายกฯ ตามเงื่อนไข รธน.
วันนี้ (25 ก.พ.) ที่โรงแรมดิอิมพีเรียล โฮเท็ล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนากล้าเปิดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2566 โดยการนำของ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนากล้า, นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรคฯ, นายประสาท ตันประเสริฐ รองหัวหน้าพรรคฯ และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคฯ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นครราชสีมา รวมทั้ง นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรคฯ ส.ส.นครราชสีมา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2, นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา, นายสมบัติ กาญจนวัฒนา ว่าที่ผู้สมัคร เขต 3 อดีตประธานสภา อบจ.นครราชสีมา รวมถึงบรรดากรรมการบริหารพรรค รองเลขาธิการพรรค สมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้าในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และจังหวัดต่างๆ โดยสวมใส่เสื้อยืดสีแสดสีประจำพรรค รวมกว่า 300 คน
นายกรณ์ จาติกวณิช กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำทีมพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เดินทางมาปราศรัยใหญ่ภาคอีสานที่โคราช โดยมีการจัดเก้าอี้ไว้กว่า 30,000 ตัว เพื่อรองรับประชาชนที่จะมาร่วมต้อนรับและฟังการปราศรัยนั้น ตนมองว่าทำให้สนามการเมืองโคราชคึกคัก เกิดบรรยากาศการเลือกตั้งที่ทำให้ประชาชนตื่นตัว ซึ่งจริงๆ ก่อนที่เราจะมาที่โคราชเราไปพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด จ.มหาสารคาม พบว่าพี่น้องประชาชนก็พร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งและเขาอยากเห็นเศรษฐกิจดีขึ้นและโอกาสดีๆ ให้กับตัวเขาเองและลูกหลาน
วันนี้เป็นการประชุมตามกฎหมายประจำปีของพรรคชาติพัฒนากล้า ส่วนความพร้อมขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเดียวของพรรคฯ นั้น ตนคิดว่าเรื่องนั้นเดี๋ยวพรรคฯ คงจะพูดคุยกันว่าเรื่องนี้จะยังไง ตนรู้สึกภาคภูมิใจที่ทางพรรคฯ ประธานพรรค เลขาธิการพรรค ได้ทำงานเต็มที่ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไรมากมายตรงนั้น เพราะตอนนี้เรามีวาระตามกฎหมายที่จะต้องดำเนินการหลังจากนั้นในเรื่องการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. รวมไปถึงการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็คงจะพิจารณากัน
ในที่ประชุมมีการพูดการเตรียมตัวเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งพรรคฯ มีความพร้อม วันนี้ค่อนข้างตกผลึกแล้วว่าเราจะส่งผู้สมัคร ส.ส.อย่างน้อย 100 กว่าเขตทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะได้ ส.ส.อย่างน้อย 25 คน เพื่อเราจะได้มีสิทธิเสนอแคนดิเดตนายกฯ ตามเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ นโยบายเราก็พร้อมและความจริงเราพร้อมก่อนคนอื่นและได้เปิดตัวนโยบายพรรคมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาแล้วซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก
โดยเฉพาะประเด็นปัญหาปากท้องปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องของภาระหนี้สิน เรื่องโอกาสในการทำมาหากินมีงานมีการทำ ที่สำคัญพรรคฯ เราได้ทำนโยบายที่ตอบโจทย์เรื่องหารายได้เข้าประเทศ รายได้เข้ากระเป๋าพี่น้องประชาชนโดยที่เราได้นำเสนอว่ายุทธศาสตร์ที่เรียกว่า 7 เฉดสีจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้ให้ประชาชนและประเทศได้ 5 ล้านล้านบาทไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า ตรงนี้มันสะท้อนถึงมุมมองของเรา คือใครมาเป็นรัฐบาลการใช้เงินง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นเงินภาษีหรือเงินกู้
ส่วนนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์เครดิตบูโร รื้อระบบสินเชื่อโดนใจพี่น้องประชาชนนั้น เรื่องนี้มันสะท้อนถึงประเด็นปัญหาที่เราพบว่า หนึ่งในความเหลื่อมล้ำหรือว่าให้โอกาสประชาชนรวมไปถึงผู้ประกอบการขนาดเล็กจำนวนมาก ก็คือการเข้าถึงแหล่งทุนในบางประเภทที่เป็นธรรมมันทำให้เขาแข่งกับบริษัทใหญ่ๆ ได้ ซึ่งต้นตอส่วนหนึ่งคือปัญหาเรื่องของโครงสร้างและเรื่องของการประเมินความเสี่ยงหรือประเมินความน่าเชื่อถือให้ประชาชนด้วยระบบเงินบูโร
"ถ้าพูดง่ายๆ คือเป็นที่รวบรวมเพียงแค่ข้อมูลทางลบของประชาชน เราอยากเสนอให้เปลี่ยนกฎหมายเป็นที่รวบรวมทางบวกของประชาชน เราอาจจะผิดนัดชำระหนี้ประเทศ แต่เราก็ไม่ได้ผิดนัดชำระค่าเรียนให้ลูก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์ ค่ามือถือทำไมไม่เอาข้อมูลทางบวกของเรามาคิดเป็นคะแนนให้เราด้วย ซึ่งต้องอาศัยนโยบายและการแก้ไขในอนาคตเราทำได้แน่นอน และจะทำให้ประชาชนหลายล้านคนที่วันนี้กู้ยืมเงินในระบบการเงินไม่ได้ ต้องไปกู้ยืมจากนายทุนนอกระบบให้สามารถไปกู้ยืมในระบบธนาคารในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงได้ เราต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคน" นายกรณ์กล่าวในตอนท้าย
