เชียงใหม่ - พยาบาลสาวเชื้อสายชาติพันธุ์โรงพยาบาลรัฐชื่อดังเชียงใหม่ โพสต์ตัดพ้อโดนกลั่นแกล้งและดูถูกสารพัด พร้อมจดหมายลาตั้งใจกระโดดตึก แต่ยังดีผู้พบเห็นให้การช่วยเหลือไว้ได้ ขณะที่ ผอ.ศูนย์อนามัยที่ 1 และหัวหน้างาน ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นและมีการตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว เตรียมพิจารณาย้ายแผนกทำงาน แต่เบื้องต้นต้องดูแลเยียวยารักษาสภาพจิตใจให้ดีจนกว่าจะผ่านพ้นช่วงวิกฤต
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า จากกรณีพยาบาลสาว สังกัดศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ (รพ.แม่และเด็ก เชียงใหม่) ชื่อเล่นน้องแป้ง วัย 32 ปี ชาว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “N Haesol Athena Ammie” เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 66 บอกเล่าเรื่องราวปัญหาในชีวิต ตั้งแต่เกิดมาเป็นลูกชาวเขา ที่ตอนเด็กมักถูกเพื่อนบูลลี่เรื่องรูปลักษณ์และชาติพันธุ์ รวมทั้งมีอาการป่วยบ่อย เมื่อไป รพ.จะถูกพยาบาล หรือผู้ช่วยพยาบาลดุด่า แม้ในฐานะคนไข้จะไม่ได้ผิดอะไร จึงเกิดฮึดสู้ และพยายามเรียนเต็มที่เพื่อจะต้องเป็นพยาบาลให้ได้ จนเข้าเรียนจนสำเร็จการศึกษาด้านพยาบาล ได้บรรจุรับราชการสมดังตั้งใจ ได้ 3 ปีกว่า แต่ต้องมาเจอมรสุมเรื่องงาน และรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ในบ้านพัก รพ.ได้หายไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ต่อมาไปขอกล้องวงจรปิดดู พบว่าเป็นแฟนของเจ้าหน้าที่งานพัสดุของ รพ. ซึ่งทำงานสรรพสามิต นำเอารถไป จึงได้ติดต่อเพื่อขอรถคืน แต่ยังไม่ได้คืน จึงไปแจ้งความตำรวจแล้วแต่คดียังไม่คืบหน้า หลังจากเหตุการณ์นี้ยังโดนคู่กรณีคุกคามชีวิต เมื่อแจ้งไปทางผู้ใหญ่ใน รพ. แต่แล้วได้รับการดูแล 1 เดือนครึ่ง
นอกจากนี้ยังเขียนบอกว่าตนมีปัญหากับทางหน่วยงานหลายอย่างสะสม จึงเขียนขอย้ายแผนกแต่ไม่ได้รับการย้าย เกิดเครียดสะสมหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน จนนอนไม่หลับ ทั้งหวาดระแวงกลัวโดนทำร้ายจากคู่กรณี อีกทั้งยังมีปัญหาในหน่วยงานอีก จึงตัดสินใจได้ส่งจดหมายทางอีเมลไปถึงอธิบดี เนื่องจากทั้ง ผอ.และผู้ใหญ่ใน รพ.ที่ได้ดำเนินการไปแล้วแต่เรื่องเงียบ จนรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย และความกดดันที่ไม่มีทางออก ทั้งในหน่วยงานและเรื่องต่างๆ และท้ายโพสต์ได้บอกว่าในวันนี้ขอจบชีวิตลง เพื่อยุติความอยุติธรรมและทางออกต่างๆ เพราะไม่อยากรับผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ทั้งความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและงานที่ทำ เพราะตอนนี้เหมือนฉันไม่ได้ต่อสู้กับคู่กรณีคนเดียว พร้อมบอกลาแม่ว่า กว่าจะมาเป็นพยาบาล #ลูกขอโทษด้วยนะแม่ ลูกทนแรงกดดันไม่ไหว ลูกไม่มีทางออก มีปัญหาในหน่วยงานแต่ผู้ใหญ่ให้อยู่ที่เดิมเพราะมีคนอยากไปแผนกที่ลูกเขียนย้ายโดยไม่มองปัญหาน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้น ลูกหวังว่าต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับที่อื่นอีก ขอโทษด้วยนะแม่แล้วลูกจะตอบแทนคุณในชาติหน้า พร้อมทิ้งท้ายแฮชแท็ก #RIPชีวิตราชการตัวน้อย #ราชการชั้นผู้น้อยที่ไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว #ลูกรักแม่ #คนที่รอเหยียบหยามซ้ำเติมเชิญเลยเต็มที่ค่ะแป้งถอยแล้ว #ทุกคนชนะแล้ว และ #พวกคุณจะไม่มีวันได้แกล้งฉันอีก
ทั้งนี้ เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีคนเข้ามาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก โดยระบุเวลาโพสต์ขณะเข้าเวรห้องคลอด กะดึก เวลา 03.00 น.คืนวันที่ 20 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมามีรายงานว่าพยาบาลคนดังกล่าวออกเวรในช่วงเช้า เวลา 08.00 น. และเวลาประมาณ 08.30 น.ได้พยายามจะกระโดดตึกจากชั้นสอง ใกล้ที่ทำงาน เพื่อหวังจะฆ่าตัวตายตามที่โพสต์ไว้ แต่โชคดีที่เพื่อนร่วมงานมาเห็นและช่วยเหลือไว้ได้ทัน และไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ก่อนนำตัวส่งให้ทีมจิตแพทย์ให้การดูแล
ขณะที่ทางด้าน แพทย์หญิง นงนุช ภัทรอนันตนพ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ เปิดเผยกรณีพยาบาลสาวรายนี้ว่า เวลานี้ทางพยาบาลคนดังกล่าวได้รับการดูแลและกำลังอยู่ในช่วงประคับประคองจิตใจ ทางครอบครัวจึงเห็นว่าให้น้องได้รับการดูแลให้ผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปก่อน ส่วนเรื่องความเครียดที่เกิดขึ้นต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมาทางหน่วยงานให้การดูแลมาโดยตลอด ขณะนี้วางแผนดูแลพร้อมกับครอบครัวไว้แล้ว ต่อไปจะเป็นเรื่องการขอย้ายแผนก ซึ่งทางผู้บริหารกำลังพิจารณาให้ สำหรับความพยายามที่จะกระโดดตึกนั้น ยังไม่ได้กระโดดแต่อย่างใดเพราะมีคนไปช่วยไว้ได้ ตอนนี้ร่างกายปกติดี ยืนยันว่าขณะนี้ทางหน่วยงานและครอบครัวจะดูแลให้ดีที่สุด ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน ส่วนกรณีถูกเพื่อนร่วมงานแผนกอื่นคุกคามนั้น มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเสนอเรื่องไปตามระบบราชการแล้วเรียบร้อย
ส่วนนางประดับ สังข์ผลิพันธ์ พยาบาลหัวหน้างานห้องคลอด รพ.แม่และเด็กเชียงใหม่ เปิดเผยว่า พยาบาลสาวรายนี้ทำงานในส่วนของพยาบาลวิชาชีพปฏิบัติงาน ทำงานในหน่วยห้องคลอดมาประมาณ 3 ปี การทำงานเมื่อมอบหมายอะไรไปจะมีความมุ่งมั่นตั้งใจสูง ส่วนความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานเป็นคนค่อนข้างจะเก็บความรู้สึก จะแสดงออกด้านการทำงานมากกว่า เพราะฉะนั้นผลงานการทำงานจะค่อนข้างสมบูรณ์ ในส่วนของการทำงานห้องคลอดจะไม่ซับซ้อน จะให้ขึ้นเวรลงเวรตามปกติ และจะมีงานเก็บสถิติบ้าง ซึ่งน้องก็ทำได้ดี ก่อนหน้านี้ก็มีมาบ่นเรื่องรถหายเป็นปัญหาที่ทำให้ไม่สบายใจ ปัญหาที่เกิดขึ้นมีการช่วยเหลือตั้งแต่แรก ไม่ได้ปล่อยเอาไว้เลย มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ทั้งในส่วนของศูนย์อนามัย และส่งเรื่องไปกรมอนามัยแล้ว ส่วนเรื่องถูกคุกคามจากแผนกอื่น ก็มาปรึกษาจึงคุยกับทีมผู้บริหาร ย้ายน้องมาลงเวรเช้าแทนไม่ให้ขึ้นเวรดึก และในส่วนของคณะกรรมการบ้านพักได้ย้ายน้องไปอยู่โซนที่ปลอดภัยแล้ว