มหาสารคาม - ผู้ปกครองโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ร้องสื่อโรงเรียนเก็บเงินในโครงการพิเศษหลายหมื่นบาท อ้างจะพานักเรียนบินไปเรียนรู้ประสบการณ์ต่างประเทศ ณ เกาหลีใต้ เดือน มี.ค. 63 ล่วงเลยไป 3 ปีเรื่องยังเงียบ จนเด็กจะจบ ม.3 หมดแล้ว ทวงเงินคืนก็ถูกบ่ายเบี่ยง สุดทนถูกหลอกให้เด็กมีความหวังอย่างลมๆ แล้งๆ
มีรายงานว่า ตัวแทนผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กว่า 10 คน ได้เข้าร้องเรียนผู้สื่อข่าวกรณีบุตรหลานของตนไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศในโครงการส่งเสริมทักษะและพัฒนาทักษะการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโครงการ ESC ซึ่งเรื่องดังกล่าวผ่านมากว่า 3 ปี จากนักเรียนชั้น ป.6 ตอนนี้เด็กๆ กำลังจะจบชั้น ม.3 แต่เรื่องยังเงียบ จึงต้องการร้องเรียนให้ผู้สื่อข่าวช่วยเหลือ เรียกร้องความเป็นธรรมจากโรงเรียนดังกล่าว
นางมยุรี จันทร์วงทรัพย์ ตัวแทนผู้ปกครอง เล่าว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงปีการศึกษา 2562 เด็กๆ เรียนอยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายประถม) ในโครงการ ESC (English Science Communication) ซึ่งในหลักสูตรกำหนดให้นักเรียนเดินทางไปเรียนรู้ประสบการณ์ตรงที่สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ในเดือนมีนาคม 2563 ต่อมาเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทุกคนก็เข้าใจ เพราะทั่วโลกได้รับผลกระทบมีการปิดประเทศ ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้
กระทั่งเด็กๆ เรียนจบชั้น ป.6 และเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษา ในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) ซึ่งผู้ปกครองก็ได้ติดตามทวงถามมาโดยตลอด
ต่อมาวันที่ 17 มีนาคม 2563 ผู้ปกครองได้ทำหนังสือถึงอธิการบดี ผ่านผู้ที่รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายประถม) ในขณะนั้น เพื่อขอเลื่อนการเดินทางไปต่างประเทศหรือขอเงินคืนสำหรับโครงการส่งเสริมทักษะและพัฒนาทักษะการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ESC โดยมีนักเรียนที่เรียนในโครงการการพิเศษอยู่ 25 คน ต่อมาลาออกไป 1 คน
นักเรียนกลุ่มนี้ได้ชำระค่าใช้จ่ายในโครงการพิเศษไปแล้วตั้งแต่ชั้น ป.1-ป.6 เป็นเงินจำนวน 81,600 บาท ต่อนักเรียน 1 คน รวมเป็นเงินพิเศษที่เก็บเกินจากค่าเทอม 2,023,400 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ถูกจัดสรรสำหรับโครงการพิเศษต่างๆ เช่น การจัดการเรียนการสอน กิจกรรมค่ายภาษาอังกฤษ และโครงการส่งเสริมทักษะฯ ณ สาธารณรัฐเกาหลีใต้ เป็นต้น
หลังจากนั้นวันที่ 20 เมษายน 2563 ทางโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายประถม) ออกหนังสือชี้แจงกรณีโครงการส่งเสริมทักษะและพัฒนาทักษะการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงสำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ESC สรุปใจความว่า เงินที่ผู้ปกครองจ่ายไปเป็นเงินที่ทางโรงเรียนนำมาใช้บริหารจัดการสำหรับกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดค่ายกิจกรรมพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ค่าย English Day Camp โครงการแสดงผลงาน ESC Open House ค่าอาหารในการจัดการเรียนการสอนเพิ่มเติม 200 ชั่วโมง ค่าตอบแทนอาจารย์ในการจัดการเรียนการสอนเพิ่มเติม 200 ชั่วโมง เป็นต้น
ในกรณีการดำเนินการโครงการสร้างสมรรถนะของนักเรียน เพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนดูงานที่ต่างประเทศนั้น เป็นโครงการพิเศษที่ทางโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายประถม) จัดให้โดยใช้งบประมาณจาก “กองทุนพัฒนาโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม”
จึงขอเรียนให้ทราบว่า การดำเนินโครงการสร้างสมรรถนะของนักเรียนเพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนดูงานที่ต่างประเทศนั้น เป็นโครงการฯ ที่ทางโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายประถม) จัดให้โดยใช้งบประมาณจาก “กองทุนพัฒนาโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม” ดังนั้น เมื่อไม่มีการดำเนินการหรือการจัดโครงการฯ จึงไม่มีการเบิกจ่ายเงินจากกองทุนฯ และเงินดังกล่าวก็ไม่สามารถที่จะนำมาจัดสรรหรือจ่ายเงินคืนสำหรับเป็นค่าการศึกษาดูงานในต่างประเทศได้ ลงชื่อ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มลฤดี เชาวรัตน์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายประถม) ในขณะนั้น
ผู้ปกครองก็ยังไม่ละความพยายาม โดยได้ติดต่อไปยังผู้บริหารสูงสุด คือ รองศาสตราจารย์ ดร.ประยุกต์ ศรีวิไล อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทางผู้บริหารได้ให้ผู้ปกครองทำหนังสือมาอีกครั้ง เพื่อที่จะได้นำเข้าคณะกรรมการพิจารณา และทางอธิการบดียังได้ให้คำมั่นสัญญาว่าเด็กทุกคนยังมีสิทธิ์ สิทธิ์ยังติดตัวเด็กไปตลอด ล่าสุดจากการพูดคุยกับอธิการบดี ได้รับแจ้งว่าจะได้ไปต่างประเทศพร้อมๆ กับรุ่นน้อง ป.6 ในเดือนมีนาคมนี้
แต่ตอนนี้เดือนกุมภาพันธ์แล้วก็ยังไม่มีการตอบรับ หรือแจ้งเรื่องความคืบหน้าใดๆ ให้ผู้ปกครองได้ทราบ เด็กบางคนไปทำพาสสปอร์ตมารอแล้ว แต่ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะได้ไปหรือไม่ ตนจึงอยากจะถามว่าจะให้เด็กรอไปถึงเมื่อไหร่ เพราะตอนนี้เด็กกำลังจะจบ ม.3 ในเดือนมีนาคมนี้แล้ว และหากไม่ได้ไปก็ขอเงินคืน หรือจะเยียวยาโดยการจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนอื่นๆ ให้แทนก็ได้ ไม่ใช่หลอกให้เด็กมีความหวังลมๆ แล้งๆ ไปวันๆ