กาฬสินธุ์ - ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์คุมตัวเจ้าของร้านคาร์แคร์อารมณ์ร้อนมือจ่อยิงหัวหนุ่มวัย 23 ปีเสียชีวิตหน้าร้านอาหารชื่อดังไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมแจ้ง 4 ข้อหาหนัก
ความคืบหน้านายชานนท์ ดอนชมภู อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 288/281 ถนนทุ่งศรีเมือง ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะนายวุฒิพงษ์ หรือก๋ง วิเชียรซอย อายุ 32 ปี ชาว ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เสียชีวิตบริเวณหน้าร้านอาหารครัวพารวย เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เบื้องต้นสาเหตุเกิดจากไม่พอใจที่ผู้ตายถามว่า “มึงเป็นใคร”
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (19 ก.พ.) พล.ต.ต.สุวรรณ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.อิทธิเดช สุนทร ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.ท.เทวฤทธิ์ บูรณรักษ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.ท.นพรัตน์ หลวงสนาม สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เจ้าของคดี พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่สายตรวจคุมตัวนายชานนท์ ดอนชมภู อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุ ซึ่งเป็นคนยิงนายวุฒิพงษ์เสียชีวิต และนายนิยม อาคราช อายุ 43 ปี เพื่อนที่ไปด้วยกัน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่หน้าร้านอาหารครัวพารวย ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยมีญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้านมาดูเหตุการณ์จำนวนมากและด่าทอด้วยความโกรธแค้น
พล.ต.ต.สุวรรณ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุนายชานนท์ และนายนิยม ซึ่งเป็นคนขับรถ ได้พากันมาเที่ยวร้านอาหารครัวพารวย แต่ร้านอาหารปิด ก่อนจะพบกับนายวุฒิพงษ์ วิเชียรซอย ผู้เสียชีวิต ซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน ที่หน้าร้าน ซึ่งมาเที่ยวเหมือนกัน แต่ร้านปิด ทั้งนี้ ผู้ต้องหาอ้างว่า ขณะนั้นนายวุฒิพงษ์มีอาการมึนเมาสุรา ได้ยืนพูดคุยกับนายนิยมที่หลังรถ และมีปากเสียงกัน นายชานนท์ ซึ่งนั่งอยู่ในรถได้ลงมาเพื่อที่จะไกล่เกลี่ยห้ามให้แยกย้ายกันกลับบ้าน
ทำให้นายวุฒิพงษ์ผู้ตายไม่พอใจ พูดท้าทายและถามว่า “มึงเป็นใคร” ทำให้นายชานนท์นำปืนที่พกติดตัวมาจ่อยิงที่ศีรษะนายวุฒิพงษ์เสียชีวิต และหลังก่อเหตุได้หลบหนี กระทั่งชุดสืบสวนได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ก่อเหตุและได้โทร.ไปให้มามอบตัว ก่อนจะยอมมอบตัวพร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ (ลูกซองสั้น) ที่ใช้ก่อเหตุ
อย่างไรก็ตาม หลังทำแผนพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหานายชานนท์ 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1. ฆ่าผู้อื่น 2. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 3. ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ 4. ยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน
ส่วนนายนิยม เพื่อนที่ไปด้วยกันถูกแจ้งข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมนำตัวส่งไปฝากขังดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป