สมุทรสงคราม - ผู้ว่าฯ แม่กลองลงพื้นที่สำรวจผลผลิตลิ้นจี่ หลังจากออกดอกกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเตรียมเพิ่มช่องทางจำหน่ายให้ชาวสวน หลังชาวสวนนำผึ้งเลี้ยงมาปล่อยในสวนเพื่อช่วยในการผสมเกสรแบบธรรมชาติ
วันนี้ (4 ก.พ.) นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม และนายวิศิษ บ่อสารคาม หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ลงพื้นที่ตำบลแควอ้อม อำเภออัมพวา เพื่อสำรวจผลผลิตลิ้นจี่ หลังจากช่วงนี้ต้นลิ้นจี่ออกดอกเป็นจำนวนมากในทุกพื้นที่ เพื่อเตรียมจัดงานสนับสนุนการจำหน่าย โดยพบว่าขณะนี้ชาวสวนลิ้นจี่ในจังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมกับผู้เลี้ยงผึ้งจากจังหวัดต่างๆ เช่น ชุมพร กาญจนบุรี เชียงใหม่ และเพชรบูรณ์ นำผึ้งเลี้ยงมาปล่อยในสวนเพื่อช่วยในการผสมเกสรแบบธรรมชาติกันแทบทุกพื้นที่
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า ที่ผ่านมาสภาพอากาศเย็นเป็นใจ จึงส่งผลให้ต้นลิ้นจี่ออกดอกเตรียมให้ผลผลิตในทุกพื้นที่ ประเมินจากดอกลิ้นจี่หากติดผลทั้งหมดจะไม่น้อยกว่า 7 พันตัน แต่หากมีการเสียหายเนื่องจากถูกพายุฝนและน้ำค้างที่รุนแรงทำให้ดอกร่วงอาจจะเหลือประมาณ 3,000-4,000 ตัน การออกมาสำรวจผลผลิตเพื่อเตรียมจัดงานสนับสนุนการจำหน่าย ส่วนสถานที่จะเป็นที่หน้าศาลากลางจังหวัดหรือที่ใดนั้นจะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวสวนเพื่อร่วมกันกำหนดอีกครั้ง
นายจำเนียร ดีทุ่ง อายุ 61 ปี เจ้าของผึ้งเลี้ยงจากจังหวัดเพชรบูรณ์ บอกว่า การนำผึ้งเลี้ยงมาปล่อยในสวนลิ้นจี่ถือเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างผู้เลี้ยงผึ้งกับเจ้าของสวน เนื่องจากผึ้งจะช่วยผสมเกสรลิ้นจี่ให้ผลผลิตมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้เลี้ยงผึ้งจะได้น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่กลับไปจำหน่ายจึงถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย สำหรับตนได้นำผึ้งพันธุ์ออสเตรเลีย ที่นิสัยไม่ดุร้ายและไม่ทิ้งรัง อีกทั้งขยันบินหาน้ำหวานได้ไกลถึง 3 กิโลเมตร มาผสมเกสรลิ้นจี่จำนวน 180 ลัง คาดว่าจะได้น้ำหวานจากดอกลิ้นจี่กลับไปไม่น้อยกว่า 1 ตัน หรือ 1,000 กิโลกรัม โดยใช้ถังสเตนเลสขนาดความจุ 700 ลิตร สลัดน้ำผึ้งด้วยการใช้มือหมุนเพื่อให้เกิดแรงเหวี่ยง โดย 1 รัง จะมีคอนเลี้ยงผึ้ง 7- 9 คอน และใน 1 คอนจะได้น้ำผึ้ง 1 ขวดหรือประมาณ 750 ซีซี
สำหรับลิ้นจี่พันธุ์ค่อม เป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดสมุทรสงคราม มีเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ 1,954 ครัวเรือน พื้นที่ปลูกลิ้นจี่ 5,160 ไร่ แยกเป็นอำเภอบางคนที มากที่สุด 2,860 ไร่ รองลงมาอำเภออัมพวา 2,293 ไร่ และอำเภอเมืองสมุทรสงคราม 7 ไร่ จากสภาพอากาศช่วงเดือนธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 20 มกราคม 2566 หนาวเย็นต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส จึงส่งผลให้ต้นลิ้นจี่แทงช่อดอกประมาณร้อยละ 90 ของพื้นที่ปลูก คือ 5,160 ไร่ หรือออกดอกประมาณ 4,644 ไร่ และดอกลิ้นจี่เริ่มบานตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม และบานมากที่สุดช่วงวันที่ 30 มกราคมถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ทำให้คาดว่าลิ้นจี่จะติดผลประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนการเก็บเกี่ยวผลผลิตคาดว่าตั้งแต่กลางเดือนเมษายนเป็นต้นไป และคาดการณ์ว่าลิ้นจี่จะออกผลผลิตมากที่สุดตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน ถึงวันที่ 25 เมษายน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย เช่น หากเกิดฝนตกหรือหมอกลงจัดในช่วงดอกลิ้นจี่บานจะทำให้ปริมาณผลผลิตลดลง
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม ขอแจ้งให้เกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่งดฉีดพ่นสารเคมีป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูในช่วงระยะดอกลิ้นจี่บาน เนื่องจากจะเป็นอันตรายต่อผึ้ง และหากมีความจำเป็นที่จะฉีดพ่นสารเคมีป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูลิ้นจี่ ขอให้เลือกกลุ่มสารเคมีที่ไม่เป็นพิษแก่ผึ้ง เช่น อะมิทราซ กำมะถันผง ซึ่งเป็นสารกำจัดไรศัตรูพืช เป็นต้น