ระยอง - รอง ผวจ.ระยอง นำทีมสอบข้อเท็จจริงปัญหาส่วยเกาะเสม็ด ขณะผู้ประกอบการแห่นำหลักฐานแฉถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ รีดเงินทุกเม็ด ยันได้คำตอบให้สังคมใน 15 วัน ด้านนายกท่องเที่ยวชี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบภาพลักษณ์หน่วยงานราชการ
จากกรณีที่ผู้ประกอบการบนเกาะเสม็ดได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนเรื่องปัญหาการเรียกรับเงินภายในอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด ทั้งการเรียกค่าธรรมเนียมจากผู้ให้บริการรถยนต์ให้เช่ารวม 60 คัน คันละ 16,000 บาทต่อเดือน การเรียกเก็บค่าบริการจากผู้ให้เช่ารถจักรยานยนต์และผู้ให้บริการจักรยานยนต์รับจ้าง จำนวน 660 คัน คันละ 1,600 บาทเดือน
รวมทั้งเรียกเก็บเงินจากเจ้าของรีสอร์ตบนเกาะเสม็ด ที่ต้องการนำรถยนต์รับส่งนักท่องเที่ยว จำนวน 4 คัน คันละ 100,000 บาทต่อเดือน รวมทั้งเรียกค่าต่อเติมสิ่งก่อสร้างจากผู้ประกอบการในพื้นที่เช่าของกรมธนารักษ์ คิดเป็นร้อยละ 10 ของงบประมาณมาณ
จนทำให้ นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 และนายสาธิต ปิ่นกุล ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 และ นายชาณุ เดชธัญญนนท์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าหมู่เกาะเสม็ด ต้องตั้งโต๊ะแถลงเรื่องการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
อีกทั้ง นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการระยอง ได้ตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดขึ้นตรวจสอบอีกทีมหนึ่ง โดยมีกำหนดเวลาภายใน 15 วันหลังเกิดเรื่องนั้น
ล่าสุด ช่วงเช้าที่ผ่านมา (26 ม.ค.) ว่าที่ ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มีคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ รวม 7 คน ประกอบด้วย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดระยอง ท้องถิ่นจังหวัด สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอำเภอเมืองระยอง ปลัด อบจ.ระยอง และผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.ระยอง ได้ร่วมตรวจสอบพยานหลักฐานจากผู้ประกอบการ
รวมทั้งสอบถามผู้ประกอบการบนเกาะเสม็ด ประกอบด้วย อาชีพรถยนต์ให้เช่า ผู้ประกอบการีสอร์ต หมอนวดและหาบเร่ ที่เดินทางเข้าให้ข้อมูล ณ ห้องประชุม เทศบาลตำบลเพ อ.เมืองระยอง โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เผยว่า จากการรับฟังข้อมูลหลักฐานจากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรับผลประโยชน์บนเกาะเสม็ด ถือว่าได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบ และหลังจากนี้จะต้องสอบสวนผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม รวมทั้งอุทยานฯ เกาะเสม็ด ที่จะต้องส่งคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร และยืนยันว่าผลการตรวจสอบจะเสร็จทันภายใน 15 วัน ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดอย่างแน่นอน
“ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจในการตรวจสอบว่าจะให้ความเป็นธรรมตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ซึ่งในอนาคตหากผู้ประกอบการหรือประชาชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบด้านใดสามารถร้องเรียนมาได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.ระยอง” รองผู้ว่าราชการ จ.ระยอง กล่าว
ทั้งนี้ นายนพดล อายุ 32 ปี ผู้ประกอบการรถยนต์ให้เช่าบนเกาะเสม็ด ยืนยันว่าตนเองได้จ่ายเงิน จำนวน 16,000 บาท ผ่านการโอนให้ผู้ที่รวบรวมเงินเพื่อนำไปให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ สำหรับเป็นค่าดำเนินการเพื่อให้รถยนต์เช่าสามารถวิ่งได้อย่างถูกต้อง ทั้งที่ทำธุรกิจมานานกว่า 10 ปี ไม่เคยเสียเงินมากเท่านี้ จะเสียแค่เพียงค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย
"ยืนยันว่าได้จ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ จริง ซึ่งความจริงประกอบการถเช่าทุกคนต้องการความชัดเจนว่าต้องเสียเงินอะไรบ้าง เสียจำนวนเท่าไหร่ และอยากให้กำหนดให้ชัดเจน ไม่ใช่จ่ายแล้วต้องจ่ายอีก ทั้งที่มีการเสียภาษีรถยนต์รับจ้าง หรือป้ายเหลืองให้ขนส่งจังหวัดประจำปีอยู่แล้ว" ผู้ประกอบการรถยนต์ให้เช่าบนเกาะเสม็ด กล่าว
ด้าน นางสริญทิพย์ ทัพมงคลทรัพย์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ด เผยว่า ปัญหาบนเกาะเสม็ดมีสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อน ในวันนี้ผู้ประกอบการต่างๆ จึงนำหลักฐานและข้อมูลมาให้ทางจังหวัดได้ตรวจสอบ เพราะต้องการให้ทำความจริงให้ปรากฏ และหากพบว่ามีการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่จริงก็ต้องแก้ไข
แต่หากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่จริง ผู้ที่ถูกร้องเรียนต้องชี้แจงให้ชัด เพราะไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของหน่วยงานภาครัฐ จึงขอให้คณะกรรมการจังหวัดตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา