ประจวบคีรีขันธ์ - เกิดคลื่นลมในทะเลกำลังแรงซัดแนวชายฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่บางส่วนของชายหาดริมทะเลบ้านทุ่งประดู่ ทับสะแก หายยาวกว่า 500 เมตร และความลึกประมาณ 30 เมตร ต้นสนอายุ 40 ปี กว่า 40 ต้น ถูกซัดหายลงทะเล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ม.ค.) กระแสคลื่นลมในทะเลเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นตลอดแนวชั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กระทั่งช่วงบ่ายพบว่า คลื่นลมยิ่งหนักขึ้นซัดเข้าหาชายฝั่งอำเภอทับสะแกเสียหายอย่างหนัก โดยหลังจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์การบริหารส่วนตำบลทับสะแก รายงานให้ทางอำเภอทับสะแกได้รับทราบ
ต่อมา นายสมเจตร์ เจริญทรง นายอำเภอทับสะแก และนายประชานารถ สุวรรณสิทธิ์ ปลัดอาวุโส พร้อมด้วย น.ส.วิยะรัตน์ หนูเอก ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทับสะแก และเจ้าหน้าที่ อบต.ทับสะแก กำนันตำบลทับสะแก ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 ตำบลทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยลงพื้นที่บริเวณริมทะเลบ้านทุ่งประดู่ หมู่ที่ 2 ตำบลทับสะแก อำเภอทับสะแก
ซึ่งพบว่าในท้องทะเลมีคลื่นลมแรงพัดเข้าสู่ชายฝั่ง ส่งผลทำให้ชายฝั่งถูกคลื่นซัดเสียหายยาวประมาณ 500 เมตร โดยบริเวณแนวชายฝั่งส่วนหนึ่งของหมู่ 2 บ้านทุ่งประดู่ ถูกคลื่นซัดหายไปความลึกประมาณ 30 เมตร และยังมีการกัดเซาะบางส่วนที่เกือบมาถึงถนนเลียบทะเลสายทุ่งประดู่-ชายทะเลทับสะแก และยังมีแผงปลาชาวประมง และบ้านชาวประมงถูกพัดเสียหายส่วนหนึ่ง รวมทั้งแนวป่าสนอายุกว่า 40 ปี ถูกคลื่นซัดล้มลงไปในทะเล 40-50 ต้น เบื้องต้น ทางฝ่ายปกครองอำเภอทับสะแก และเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ผู้อาศัยอยู่ติดติดชายฝั่งเคลื่อนย้ายสิ่งของและเครื่องมือประมงออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงตั้งแต่ 4 โมงเย็นที่ผ่านมาคลื่นลมทะเลเริ่มสงบ และน้ำทะเลลดระดับลง โดยในวันพรุ่งนี้ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า จะยังคงมีคลื่นลมรุนแรงไปจนถึงวันที่ 30 มกราคมนี้ ขณะนี้ชาวประมงที่ประกอบอาชีพตากปลาอยู่ริมทะเลได้นำข้าวของและเครื่องมือต่างๆ รวมทั้งเพิงพักรื้อออกเป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น