ศูนย์ข่าวศรีราชา - เลขาฯ EEC ติดตามความคืบหน้าโครงการ Old Town นาเกลือ พบแผนพัฒนาติดขัดข้อกฎหมายหลายประการ เตรียมประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องหวังผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวชุมชนเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม
จากกรณีที่คณะกรรมการบริหารงานแบบบูรณาการอำเภอ หรือ กบอ.ได้เห็นชอบให้ เมืองพัทยา ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ตลาดลานโพธ์นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ควบคู่กับการเป็นตลาดอาหารทะเลชั้นนำของภาคตะวันออก
และยังเป็นกิจกรรมที่จะเชื่อมโยงการพัฒนาตามโครงการ NEO PATTAYA ของเมืองพัทยา ซึ่งเป็นโครงการนำร่องในเบื้องต้นที่จะมีการร่วมทุนกับภาคเอกชน เพื่อขยายผลสู่การจัดตั้งเขตส่งเสริมพิเศษในรูปแบบแหล่งท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พร้อมนำเทคโนโลยี 5G เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวก ความปลอดภัยให้ชุมชน
รวมถึงการบริหารจัดการดูแลสิ่งแวดล้อมและมลพิษตามโมเดล BCG โดยจะแบ่งพื้นที่การดำเนินโครงการออกเป็น 3 โซน คือ 1.โซน Seaside พื้นที่ 3,417 ตารางเมตร 2.โซน Old Town Market บนพื้นที่ 1,330 ตารางเมตร และโซน 3.The Square บนพื้นที่ 2,401 ตารางเมตรนั้น
ล่าสุด ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC-Eastern Economic Corridor) พร้อมคณะทำงาน ได้เดินทางลงพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ หรือโครงการ Old Town นาเกลือ ณ ศาลาว่าการเมืองพัทยา โดยมี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา และคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเมืองพัทยา รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วม
โดยที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการตลาดลานโพธิ์นาเกลือ ซึ่งได้ว่าจ้างให้บริษัท เอ-เซเว่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าวิเคราะห์และออกแบบผังแนวคิดพร้อมทบทวนผลการศึกษาและการดำเนินโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามสัญญาเลขที่ EEC 018/2564 ลงนามวันที่ 28 มิ.ย. 64 และส่งมอบงานเมื่อวันที่ 15 ต.ค.64 ที่ผ่านมา
ก่อนประกาศเชิญเอกชนเข้ารับฝังแผนการพัฒนาตลาดลานโพธิ์ นาเกลือ เพื่อเป็นข้อมูลตัดสินใจร่วมลงทุนโครงการ
ส่วนการที่เมืองพัทยา ได้ใช้งบประมาณจำนวน 4.5 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงตลาดขายอาหารทะเล ภายในตลาดลานโพธิ์ นาเกลือ ซึ่งเป็นแผนเดิมของเมืองพัทยาในโครงการ NEO Pattaya ปัจจุบันยังไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เนื่องจากติดปัญหาข้อกฎหมายของกฎกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาโครงการ
โดยให้เพิ่มอัตลักษณ์สถาปัตยกรรมชุมชนนากลือ ในการออกแบบอาคารแต่จะต้องมีความสูงของอาคารไม่เกิน 2 ชั้น อีกทั้งยังติดกฎหมายของกรมเจ้าท่า รวมถึงปัญหาเรื่องที่ดินนอกพื้นที่ของกรมธนารักษ์
ทั้งนี้ คณะกรรมการ EEC จะมีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไปได้