สมุทรสงคราม - ผู้ว่าฯ สมุทรสงครามสั่งตั้งกองอำนวยการร่วมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมันระเบิด ในท่าเรือรวมมิตรด็อคยาร์ค ล่าสุด พบผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย
จากเหตุเรือบรรทุกน้ำมันระเบิดในท่าเรือรวมมิตรด็อคยาร์ค หมู่ 8 ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ล่าสุด นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้สั่งให้ อบต.แหลมใหญ่ ตัังศูนย์บัญชาการขึ้นที่วัดปากสมุทร ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 800 เมตร เป็นการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุน
โดยผู้ที่มาลงทะเบียนได้รับความเสียหาย ในจำนวนนี้มีนายสำราญ นุตรักษ์ อายุ 68 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 154/6 ม.8 ต.แหลมใหญ่ ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 700 เมตร ได้รับความเสียหายจากฝ้าเพดานพัง กระจกแตกเกลื่อนพื้น
นายสำราญ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังนั่งเล่นอยู่ชั้นล่าง จู่ๆ ได้ยินเสียงระเบิดรอบแรกยังไม่ดังมาก แต่พอรอบที่ 2 ดังสนั่นบ้านสะเทือน นายสำราญ บอกว่าขอให้ผู้ประกอบการรับผิดชอบ จะทำอะไรก็ขอให้ปลอดภัยไว้ก่อน อย่าทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน
ด้านนายวาสุกี ด้วงกำเนิด อายุ 48 ปี นางไพรินทร์ ด้วงกำเนิด 40 ปี 2 สามีผู้ประกอบการหอยดองและปลาหมึกแห้ง เลขที่ 7/8 ม.8 ต.แหลมใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูความเสียหาย เช่น กระจกหน้าต่างแตก โคมไฟแตก ผนังบ้านร้าว นอกจากนี้ ยังมีสุนัขเพศผู้พันธุ์อเมริกันบลูลี่ อายุ 1 ปี ตกใจตาย เป็นเรื่องที่ครอบครัวตนเองเสียใจมาก
นางไพรินทร์ กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังทำงานอยู่ในบ้าน จู่ๆ ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น จึงให้คนงานรีบไปปิดแก๊สแล้วรีบออกจากบ้าน เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สักพักจึงเข้ามาสำรวจในบ้านพบความเสียหายดังกล่าว ที่น่าเศร้าคือ สุนัขที่ตนรักต้องมาตายจากไป ตนจึงนำไปแช่เย็นไว้เพื่อนำไปสวดศพและเผาที่วัดช่องลมในวันพรุ่งนี้
ส่วนนายวาสุกี สามีบอกว่า สุนัขตัวนี้ชื่อ คิงคอง พันธุ์อเมริกันบลูลี่ เลี้ยงมาได้ 1 ปี ความเสียหายทั้งในบ้าน และวัตถุดิบหอย ปลาหมึก น่าจะเกือบ 200,000 บาท ตนอยากให้ผู้ประกอบการเรือดังกล่าวรับผิดชอบทั้งหมด
สำหรับผู้บาดเจ็บล่าสุด ณ เวลา 16.30 น. มีผู้บาดเจ็บ 4 คน คือนายวินเท ชาวพม่า นายยาซา ชาวมอญ นายอ่าว ชาวพม่า และนายสมพงษ์ ใจวิถี อายุ 35 เป็นคนไทย ส่วนผู้สูญหายรวม 7 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 1 คน คือ นายวิเชียร บุญเลิศ ที่เหลือเป็นชาวพม่ายังสูญหายอีก 5 คน โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชาวพม่า
