ชัยภูมิ - ลูกชายชั่วคลั่งยาบ้าใช้ไม้ทุบหัวแม่เลี้ยงวัย 63 ปีดับหน้าเตานึ่งข้าว ก่อนลากศพไปโยนทิ้งสระน้ำหลังบ้านริมทุ่งนา ตำรวจตามรวบได้ทันควัน รับสารภาพลงมือก่อเหตุใช้ไม้หน้าสามตีแม่เลี้ยงจนเสียชีวิตจริง แต่ไม่ยอมบอกสาเหตุ ตร.ยังไม่นำตัวทำแผนรับคำสารภาพ หวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์
วันนี้ (16 ม.ค.) พ.ต.อ.คำพล โนนุช ผกก. สภ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ได้รับแจ้งเหตุมีการฆ่ากันตายที่บ้านไม่มีเลขที่ ริมทุ่งนา บ้านสระประทุม หมู่ 9 ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย ร.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ สิงคเสลิต รองสารวัตรสอบสวน สภ.แก้งคร้อ และกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.แก้งคร้อจำนวนหนึ่ง รวมทั้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยมูลนิธิสว่างพุทธธรรม อ.แก้งคร้อ
ในที่เกิดเหตุบริเวณบ้านไม่มีเลขที่ตั้งอยู่ริมถนนทุ่งนา เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น มีชาวบ้านที่ทราบข่าวมามุงดูที่เกิดเหตุหลายสิบคน พบ นายวิจิตร แสนเสาร์ อายุ 69 ปี บ้านเลขที่ 144 หมู่ 9 ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เจ้าของบ้านนำไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ และเป็นสามีผู้เสียชีวิต ชื่อ นางสุดใจ วงษ์หาญ อายุ 63 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน เลขที่ 135 หมู่ 18 ต.โนนทอง อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ถูกนำศพมาวางไว้ที่ขอบสระน้ำหลังบ้านที่เกิดเหตุ สภาพศพถูกตีด้วยของแข็งลักษณะเหมือนถูกตีด้วยไม้หน้าสามยาวประมาณ 2 เมตร ที่ท้ายทอย และหน้าผาก ใกล้กับขอบสระน้ำมีรอยเลือดเป็นทางยาวมาจากห้องครัวภายในบ้าน ออกมาทางข้างบ้าน มีหยดเลือดไปตามเส้นทางไปสิ้นสุดที่ขอบสระน้ำจุดที่พบศพนางสุดใจ วงษ์หาญ อายุ 63 ปี
หลังการตรวจพิสูจน์ศพในเบื้องต้น แพทย์เวร รพ.แก้งคร้อลงความเห็นเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วลากศพมาทิ้งในสระน้ำ แต่เพื่อให้ทราบสาเหตุการเสียชีวิต ได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างนางสุดใจ ผู้เสียชีวิต ส่งตรวจชันสูตรพลิกศพที่ รพ.ชัยภูมิอีกครั้ง
นายวิจิตร แสนเสาร์ ได้เล่าให้ฟังว่า ตอนเช้าที่ผ่านมา เวลาประมาณ 06.00 น.ตนตื่นนอนไม่เห็นนางสุดใจ ผู้เสียชีวิต จึงเดินตามหาในห้องครัวพบมีทั้งถ้วย จาน หม้อนึ่งข้าวเหนียว กระจัดกระจายเต็มพื้นห้องครัว พบรอยเลือดเป็นทางยาวออกจากครัว จึงได้ตะโกนเรียกลูกชายคนโตที่บ้านอยู่ไม่ไกลกัน ได้ช่วยกันตามหานางสุดใจ พบเป็นศพอยู่ในสระน้ำ ได้ช่วยกันกับลูกชายคนโตนำศพนางสุดใจขึ้นจากสระน้ำ มาวางไว้ที่ขอบสระน้ำพบว่าเสียชีวิตแล้ว พบทั้งที่หน้าผากและท้ายทอยถูกตีด้วยของแข็ง
ขณะเดียวกัน ได้มองเห็นลูกชายคนเล็กชื่อ นายอาคม แสนเสาร์ อายุ 39 ปี อยู่กลางทุ่งนา ตนได้เรียกให้เข้าบ้าน แต่ขณะนั้นยังดูเหมือนมีอาการหลอนและมีอาการคลุ้มคลั่งอยู่ ได้เดินถือไม้หน้าสาม ยาวประมาณ 2 เมตร จะเข้าทำร้ายตนอีก ตนเห็นดังนั้น ซึ่งในมือของตนยังถือมีดอีโต้อยู่จึงร้องตะโกนบอกนายอาคม ลูกชายคนเล็กที่ยังมีอาการคลุ้มคลั่งอยู่กำลังจะวิ่งเข้าทำร้ายตน ตนจึงได้ร้องตะโกนว่าเข้ามาสิ จะใช้มีดอีโต้ฟัน เมื่อลูกชายเห็นดังนั้น ได้ถือไม้หน้าสามก่อเหตุวิ่งหลบหนีไป จึงได้โทร.แจ้งตำรวจ สภ.แก้งคร้อ มาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
นายอาคม ลูกชายคนเล็กของตน เคยติดยาบ้าอย่างหนักมานานกว่า 10 ปีแล้ว จนเกิดอาการหลอน และคลุ้มคลั่ง เคยก่อเหตุทำร้ายลูกชายคนรอง และคนโตจนได้รับบาดเจ็บมาแล้วเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมา ได้นำตัวไปบำบัดและรักษาอาการติดยาบ้ามาแล้ว แต่เมื่อกลับมาอยู่บ้านไม่กินยาต่อเนื่อง แถมหันไปดื่มเหล้าและเสพยาบ้าอีก จนเกิดอาการหลอนและคลุ้มคลั่งมาเป็นระยะๆ เหมือนคนบ้า หรือโรคประสาท
ส่วนผู้ตายเป็นภรรยาของตนมาอยู่กินกับตนเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อมาอยู่เป็นภรรยาของตนได้รักและดูแลลูกชายของตนที่มีอยู่ด้วยกัน 4 คนเป็นอย่างดี คาดว่าในตอนเช้ามืดที่ผ่านมา ขณะที่นางสุดใจ กำลังเข้าครัวจะนึ่งข้าวเหนียวในตอนเช้า นายอาคม ลูกชายคนเล็กตนเอง ไม่รู้ว่าหลอนเป็นอะไร จึงใช้ไม้ทุบตีแม่เลี้ยงที่ท้ายทอย และหน้าผาก แล้วลากร่างไปทิ้งที่สระน้ำข้างบ้าน เมื่อก่อเหตุฆ่าแม่เลี้ยงตายตนผู้เป็นพ่อไม่เข้าข้างลูกชาย เมื่อตำรวจจับกุมนายอาคมได้ขอให้ตำรวจนำตัวลูกชายไปบำบัดและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ พ.ต.อ.คำพล โนนุช ผกก.สภ.แก้งคร้อ หลังรับแจ้งเหตุ ได้รีบมาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ กล่าวว่า คนลงมือชื่อ นายอาคม แสนเสาร์ เป็นลูกเลี้ยงของผู้ตาย ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แก้งคร้อ ได้เร่งติดตามจับกุมนายอาคม ลูกเลี้ยงผู้ฆ่าโหดแม่เลี้ยงในครั้งนี้ ได้ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งขณะนั้นนายอาคมได้มีอาการสงบลงแล้ว ไม่มีอาการคลุ้มคลั่งแต่อย่างใด ถูกนำตัวไปสอบสวนและควบคุมไว้ที่ สภ.แก้งคร้อ และยอมรับสารภาพเป็นคนก่อเหตุลงมือใช้ไม้หน้าสามตีนางสุดใจจนเสียชีวิตจริง แล้วลากร่างนางสุดใจไปทิ้งลงในสระน้ำข้างบ้าน แต่ไม่บอกสาเหตุการลงมือก่อเหตุในครั้งนี้
ทั้งนี้ เมื่อญาติของนางสุดใจ วงษ์หาญ ที่อยู่ตำบลโนนทอง อ.เกษตรสมบูร์ จ.ชัยภูมิทราบข่าว ได้เดินทางมาดูศพนางสุดใจ ผู้เสียชีวิตหลายสิบคน ตำรวจเกรงนายอาคม คนก่อเหตุจะถูกประชาทัณฑ์ จึงยังไม่นำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ ซึ่งคาดว่าจะนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในวันต่อไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้งข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนทำให้เสียชีวิต” ซึ่งหลังจากสอบสวนเสร็จและนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว จะคุมตัวขออนุญาตศาลฝากขังที่ศาล จ.ภูเขียว และส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
