ลพบุรี - คนร้ายประกบยิงแล้วเผาหนุ่มออกเงินกู้กลางถนนดำเป็นตอตะโก คาดปมขัดผลประโยชน์ บริเวณถนนสายบายพาสลพบุรี-สิงห์บุรี หมู่ที่ 1 ตำบลกกโก อำเภอเมืองลพบุรี
เมื่อเวลา 23.58 น.วานนี้ (15 ม.ค.) ร.ต.อ.เอกวิทย์ ทองพุ่ม รองสารวัตรสอบสวน สภ.ลพบุรี พร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูลพบุรีตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณถนนสายบายพาสลพบุรี-สิงห์บุรี หมู่ที่ 1 ตำบลกกโก อำเภอเมืองลพบุรี พบรถยนต์เก๋งเกิดเพลิงไหม้อยู่ข้างทาง จึงขอกำลังรถดับเพลิงเทศบาลตำบลกกโก มาทำการดับเพลิง หลังจากเพลิงสงบได้ทำการตรวจสอบรถเก๋งคันดังกล่าวเป็นรถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีเทาดำหมายเลขทะเบียน กล 5518 ลพบุรี
ตรวจสอบภายในรถพบศพที่ถูกเพลิงไหม้จนดำเป็นตอตะโกอยู่ที่เบาะคนขับ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงที่กลางถนน ด้านท้ายรถห่างประมาณ 50 เมตร พบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 1 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และที่ริมถนนด้านหน้ารถมีเศษผ้าดิบลักษณะคล้ายถูกไฟไหม้วางกองอยู่ 1 ชิ้น
จากการสอบถาม นายเล็ก เบาะพรม อายุ 32 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ซึ่งขับรถกระบะมาถึงที่เกิดเหตุ ให้การว่า ตนเองขับรถกระบะตามมา และได้เห็นรถคันที่เกิดเหตุจอดอยู่ข้างทาง และมีรถเก๋งอีกคันจอดประกบอยู่ เป็นรถเก๋งสีขาวน่าจะเป็นโตโยต้า ยาริส พอตนเข้ามาใกล้รถเก๋งสีขาวก็ปิดไฟ และขับออกไปจากจุดที่เกิดเหตุ แล้ววิ่งมุ่งหน้าไปทางอำเภอท่าวุ้ง ก่อนที่จะเลี้ยวซ้าย แล้วเปิดไฟขับมุ่งหน้าไป ตามถนนคันคลองชลประทาน ไปทางอำเภอบ้านกลับ จ.สระบุรี ขณะนั้นตนเองไม่กล้าจอดรถดูขับรถเลยไปก่อน แล้วย้อนรถกลับมาดูเห็นกระจกประตูด้านคนขับเปิด และเห็นคนฟุบอยู่กับพวงมาลัย เสียงแตรดัง และเพลิงกำลังลุกไหม้รถเก๋งคันดังกล่าว หลังจากนั้นมีรถกระบะอีกคันมาจอดจึงโทร.แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบรถที่เกิดเหตุพบว่า ฝาถังน้ำมันเปิดออก และต่อมาได้มีญาติของผู้เสียชีวิตทราบข่าวเดินทางดูที่เกิดเหตุ และทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายสุวิทย์ เกิดแก้ว อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 11 ต.บางคู้ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ซึ่งญาติกล่าวว่า ผู้ตายมีอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว และออกเงินกู้ โดยออกจากบ้านที่ท่าวุ้งเมื่อตอนเย็น ไม่ทราบว่าไปไหน และปกติแล้วจะไปๆ มาๆ ที่บ้านแฟนกับที่บ้าน
ต่อมา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ลพบุรี พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.อานันทมหิดล ได้ทำการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้นทราบว่าที่ศีรษะของผู้เสียชีวิตซึ่งถูกไฟไหมจนเกรียม แต่กะโหลกศีรษะเปิด คาดว่าจะเกิดจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งศพไปทำการตรวจพิสูจน์ที่แผนกนิติเวช รพ.ธรรมศาสตร์รังสิต เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง
จากการสันนิฐานเบื้องตนของเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า น่าจะมีการตามไล่ยิงกันมา และบังคับให้รถคันที่เกิดเหตุจอด และประกบยิงอีกครั้งก่อนที่จะเปิดฝาถังน้ำมันแล้วจุดไฟเผาที่รถเพื่อจะอำพรางศพว่าเสียชีวิตจากการเกิดเพลิงไหม้รถ ส่วนสาเหตุน่าจะมีการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจบางอย่าง
