นครพนม - “โตโน่” พร้อมคณะเพื่อนกลับกรุงเทพฯ เย็นนี้หลังลาสิกขาเมื่อเช้าที่ผ่านมา เผยบวช 7 วันได้ข้อคิดดีๆได้ความรู้ทางธรรมเพิ่ม ได้ขัดสนิมในใจ รู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้น สำหรับ รพ.นครพนม และ รพ.แขวงคำม่วนมีความคืบหน้าในการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ไปมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (15 ม.ค.) ที่กุฏิเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร / ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เป็นประธานในพิธีลาสิกขา ของพระสุทฺธสทฺโธ หรือพระโตโน่ และผู้ร่วมอุปสมบททั้งหมด จำนวน 4 รูป โดยเริ่มจาก พระเทพวรมุนีฯ ได้นำคณะสงฆ์วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร พระโตโน่ ได้ทำวัตรเช้า และออกบิณฑบาตไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลธาตุพนม ฉันภัตตาหารเช้า ทำพิธีขอขมาองค์พระธาตุพนม
ต่อมาเวลา 09.00 น. พระสุทฺธสทฺโธ หรือพระโตโน่ ได้ทำพิธีลาสิกขา ท่ามกลางพระภิกษุสงฆ์ ญาติโยม พุทธศาสนิกชน หลังจากลาสิกขาแล้ว พระเทพวรมุนีได้มอบเหรียญพระธาตุพนมให้ผู้ลาสิกขาทั้ง 4 คน
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีลาสิกขาแล้ว โตโน่พร้อมคณะผู้ร่วมอุปสมบทได้ช่วยกันทำความสะอาดกุฏิที่ได้จำวัด โดยทั้งหมดมีกำหนดจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้
นายภาคิน คำวิลัยศักดิ์ (โตโน่) กล่าวว่า จากการบวชในระยะเวลา 7 วัน ขอให้สิ่งดีๆ ที่พวกเราทำมาส่งกลับไปหาทุกคนให้มีความสุข มีรอยยิ้ม สุขภาพแข็งแรง มีความรักสามัคคีต่อกัน คนไทยทุกๆ จังหวัดรวมถึงคนลาวด้วย รู้สึกสบายใจ รู้สึกดีมาก 7 วัน ตอนแรกคิดว่าเวลาน้อย แต่เป็น 7 วันที่มีความตั้งใจมาก ทำให้เราได้อะไรจากการอุปสมบท ปลื้มปีติมาก ปกติเราคิดแต่ทางโลก ไม่เคยเพิ่มความรู้ทางด้านธรรม หลายๆ คน รวมถึงตัวเองอาจจะไกลห่างจากศาสนา พอได้กลับมาใกล้ มาขัดสนิมในใจ ทำให้รู้สึกว่าปลอดโปร่งขึ้น
ต่อข้อถามถึงเงินบริจาคที่มอบให้โรงพยาบาลทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว นายภาคินบอกว่า จัดสรรงบประมาณเป็นเรื่องของ โรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลทั้งสองแห่งกำลังเลือกสเปกเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ช่วยกันเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อคนไทย และคนลาว
ในส่วนการจัดทำห้องตรวจของโรงพยาบาลนครพนม เป็นการใช้งบประมาณที่สูง ประมาณ 50 กว่าล้านบาท ใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 6 เดือน สำหรับโรงพยาบาลแขวงคำม่วน ได้อุปกรณ์ 16 อย่าง เป็นอุปกรณ์นำเข้าด้วย น่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ฝั่งลาวได้รับมอบก่อน มอบประมาณ 2-3 ครั้ง
สำหรับของฝั่งโรงพยาบาลนครพนม เป็นศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ใช้เวลาค่อนข้างมาก โรคเกี่ยวกับหัวใจเป็นโรคที่ชาวนครพนม ชาวลาว และจังหวัดใกล้เคียง เสียชีวิตมากที่สุด เป็นอันดับ 1 เวลาเกิดเหตุต่างๆ ต้องเดินทางไปยังโรงพยาบาลจังหวัดใกล้เคียง โรงพยาบาลเอกชนก็ไม่มี แต่ต่อจากนี้ไปเรามีแล้ว ไม่ได้มีเพราะตัวของตน มีได้เพราะสื่อมวลชน ชาวนครพนม ชาวไทย ชาวลาวทุกคนที่ช่วยกันลงข่าว ช่วยกันทำในสิ่งที่ดี