บุรีรัมย์ - ผู้การฯ ตำรวจบุรีรัมย์สั่งสอบขยายผลและตรวจเส้นทางการเงิน เอาผิดผู้ร่วมหลอกลวงชาวบ้านร่วม 100 คนไปทำงานเกาหลีสูญเงินหลายล้าน หลังผู้ต้องหาอ้างโอนเงินให้เพื่อนที่เกาหลี 1 ล้าน เบื้องต้นแจ้ง 3 ข้อหา หลอกลวง ฉ้อโกง และจัดหาคนไปทำงานต่างประเทศ ค้านประกันตัวหวั่นหลบหนี เหยื่อสุดช้ำถูกหลอกเดือดร้อนตกงานสูญเงินแต่ผู้ต้องหากลับนำเงินที่หลอกไปเสริมคาง
วันนี้ (12 ม.ค. 66) ที่หอประชุมธรรมจารี กองบังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.อ.สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผู้กำกับการ สภ.ลำปลายมาศ และ พ.ต.ท.สาธิต สถิตถาวร ผกก.สืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม น.ส.สุภรัตน์ ศรีเมฆ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาคดีหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนและจัดหาไปทำงานต่างประเทศ ส่วนตัว น.ส.สุภรัตน์ ผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ต้องแอบคุมตัวออกทางด้านหลังโรงพักลำปลายมาศ เพื่อจะนำตัวไปร่วมแถลงข่าวที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดด้วย
เนื่องจากด้านหน้าโรงพักมีผู้เสียหายมารอดูและจะถามถึงสาเหตุที่มาหลอกลวงจำนวนมาก หวั่นว่าจะเกิดเหตุชุลมุนและอาจถูกประชาทัณฑ์ได้ แต่พอไปถึงกองบังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามาร่วมนั่งแถลงข่าวด้วย เนื่องจากมีผู้เสียหายเดินทางไปรอที่หน้าห้องประชุมด้วยเช่นกัน แต่ก็อนุญาตให้ผู้เสียหายเข้าร่วมรับฟังการแถลงและซักถามขั้นตอนการดำเนินคดีได้
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาก็ยอมรับสารภาพว่าได้หลอกลวงคนไปทำงานที่เกาหลีและเรียกรับเงินจริง โดยอ้างว่าได้เงินจากผู้เสียหายทั้งหมด 1.5 ล้านบาท แต่โอนเงินให้เพื่อนที่เกาหลีซึ่งอ้างว่าจะพาคนไปทำงานได้ 1 ล้านบาท เหลือไว้เป็นส่วนของตัวเอง 5 แสนบาท แต่ตอนนี้ใช้เงินไปหมดแล้ว ล่าสุดได้ไปทำศัลยกรรมเสริมคาง จนเหลือติดบัญชี 0 บาท ส่วนที่บอกกับผู้เสียหายว่าแม่มีสามีเป็นชาวเกาหลีทำงานอยู่ที่ ตม.เกาหลีก็ไม่เป็นความจริง
ทุกอย่างแต่งเรื่องขึ้นเองเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ และไม่ได้มีพ่อเลี้ยงเป็นชาวเกาหลี แม่ก็ไม่เคยไปเกาหลี แต่อ้างว่าตัวเองเคยไปเมื่อปี 2562
ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า จากข้อมูลรายงานขณะนี้มีผู้เสียหายที่ถูกหลอกเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว 84 คน แต่หากใครถูกหลอกและยังไม่เข้าแจ้งความสามารถมาแจ้งความเพิ่มเติมได้ที่ สภ.ลำปลายมาศ เพื่อจะได้ทำการสอบปากคำ และเร่งรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนส่งอัยการตามขั้นตอน มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีเพียงพอจะเอาผิดผู้ต้องหาได้ ประกอบกับตัวผู้ต้องหาเองก็ยอมรับสารภาพว่าได้หลอกลวงจริง และพร้อมจะพูดคุยกับผู้เสียหายเพื่อหาเงินมาชดใช้คืน
ส่วนที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างว่าได้โอนเงินบางส่วนไปให้เพื่อนที่ประเทศเกาหลีนั้น ก็จะมีการสอบขยายผลและตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าได้โอนไปให้ใครบ้าง และหากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหรือหลอกลวงประชาชน ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย
ส่วนตัว น.ส.สุภรัตน์ ผู้ต้องหาขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา "หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง และฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน" พร้อมคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เพราะเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี
ขณะที่นางเสาวลักษณ์ ปะนามะตัง ญาติของพ่อแม่สามีที่ถูกหลอกทุบบ้าน บอกว่า วันนี้เดินทางมารอดูหน้าผู้ต้องหาตั้งแต่เช้า ก็ผิดหวังที่ไม่ได้เจอเพราะตั้งใจจะถามว่าทำไมถึงกล้ามาหลอกทั้งพ่อแม่สามีให้ทุบบ้านทิ้ง และหลอกลวงชาวบ้านได้ขนาดนี้ อยากให้เขาหาเงินมาชดใช้คืนเพราะทุกคนเดือดร้อนมาก แต่หากหามาชดใช้ไม่ได้ก็ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย