จันทบุรี - “ชลธี” มาแล้ว! นำเครือข่ายพิทักษ์ทุเรียนไทยตัดทุเรียนคุณภาพออกขายสู้ผลไม้จากประเทศเพื่อนบ้าน จับมือล้งทุเรียนส่งออกที่มีแบรนด์เป็นของตนเองกว่า 10 แห่ง ตัดทุเรียนน้ำหนักเนื้อแห้งมากกว่า 35% ขึ้นไปส่งขายประเดิมปีนี้เป็นปีแรก หวังสร้างชื่อทุเรียนเนื้ออร่อย คู่การกระตุ้นชาวสวนผลิตผลไม้คุณภาพดี
นายชลธี นุ่มหนู อดีตหัวหน้าทีมเล็บเหยี่ยว สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรที่ 6 (สวพ.6) ที่ยื่นหนังสือลาออกจากราชการหลังไม่ยอมรับคำสั่งย้ายด่วนให้เข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช ของกรมวิชาการเกษตรเนื่องจากเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ไม่เป็นธรรม รวมทั้งยังต้องการที่จะสานต่องานแก้ปัญหาทุเรียนอ่อน และทุเรียนสวมสิทธิ ซึ่งในวันนี้ได้เป็นแกนนำรวมกลุ่มเกษตรกรชาวสวนทุเรียนภาคตะวันออก เพื่อยกระดับคุณภาพทุเรียนในพื้นที่ เปิดเผยว่า ภารกิจแรกคือการชี้แจงเรื่องการทำทุเรียนคุณภาพให้เกษตรกร
โดยเฉพาะการกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการตัดทุเรียนคุณภาพเพื่อจำหน่าย ยกระดับราคาขายทุเรียน (ผลสด) ไม่ให้ตกต่ำ อีกทั้งยังจับมือร่วมกับผู้ประกอบการส่งออก (ล้ง) ที่มีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเองกว่า 10 แห่งซึ่งจำหน่ายทุเรียนคุณภาพ ด้วยการกำหนดตัดทุเรียนที่มีน้ำหนักเนื้อแห้งมากกว่า 35% ขึ้นไป และมากกว่าเปอร์เซ็นต์มาตรฐานที่หน่วยงานรัฐได้กำหนดไว้ที่ 32%
“เดิมทีเกษตรกรชาวสวนเคยตัดทุเรียนออกขายที่น้ำหนักเนื้อแห้ง 32% แต่ในปีนี้กลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมกับเราจะตัดทุเรียนที่มีน้ำหนักเนื้อแห้ง 35% ขึ้นไป และจะกำหนดให้ผลทุเรียนแขวนไว้ที่ต้นจนถึงช่วงเวลาตัดเพื่อให้ได้ทุเรียนผลสุกตามที่ลูกค้าต้องการ แต่ในช่วงที่แขวนไว้จะต้องมีการพูดคุยข้อตกลงกับล้งที่เข้าร่วมโครงการว่า ล้งจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าแขวนให้ชาวสวน ซึ่งวิธีนี้ล้งจะได้ประโยชน์โดยตรงเพราะจะได้ทุเรียนคุณภาพ ส่วนชาวสวนได้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาของการแขวนลูกรอตัดที่ 35% ซึ่งถือว่าวินวินทั้ง 2 ฝ่าย”
นายชลธี ยังเผยอีกว่า การกำหนดเปอร์เซ็นต์น้ำหนักเนื้อแห้งที่ 35% ก่อนตัดผลออกขายเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชาวสวนและผู้ส่งออกซึ่งมีแบรนด์เป็นของตนเองมองว่าจะทำให้ผู้บริโภคปลายทางได้รับประทานทุเรียนที่มีความพอดี ทั้งรสชาติและคุณภาพ ซึ่งการตัดทุเรียนในเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดใหม่เฉพาะกลุ่มนี้จะทดลองตัดออกจำหน่ายในปีนี้
“สิ่งที่ชาวสวนและผู้ประกอบการทุเรียนของไทยจะต้องสู้กับผลไม้จากประเทศเพื่อนบ้าน คือผลผลิตที่มีคุณภาพที่จะทำให้มีความต้องการและมีคำสั่งซื้ออยู่ตลอดเวลา จึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันรักษาในเรื่องนี้ไว้” นายชลธี นุ่มหนู กล่าว