กาญจนบุรี - ดับฝันนายทุนต่างชาติหวังเข้ากว้านซื้อที่ดินรอบน้ำพุโซดาบาดาล หวังทำธุรกิจน้ำดื่ม ทำให้กระแสราคาที่ดินสูงขึ้น แต่สุดท้ายต้องฝันสลายเพราะซื้อขายไม่ได้ ติด พ.ร.ก.ท้องถิ่น อยากฝากไปถึงกองทัพบก ขอให้คืนพื้นที่ที่ชาวบ้านทำกินกันมาหลายชั่วอายุคน ส่วนพื้นที่ไหนที่เป็นป่าและภูเขาให้กองทัพบกดูแลในการอนุรักษ์ผืนป่าต่อไป
จากกรณีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล โดยสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี) ลงพื้นที่สำรวจเพื่อเจาะหาแหล่งน้ำบาดาล นำมาบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งซ้ำซากให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ตามโครงการศึกษา สำรวจและรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน ทำให้น้ำบาดาลที่เจาะได้มีรสชาติคล้ายโซดา จึงกลายพื้นที่น่าสนใจ ประชาชนที่ทราบข่าวเดินทางมาท่องเที่ยวกันอย่างล้นหลาม
นายอภิชาต สืบศักดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลห้วยกระเจา เปิดเผยว่า จากกรณีที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ค้นพบแร่โซดาบาดาลที่มีคุณภาพ ทำให้ราคาที่ดินนั้นเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว จากไร่ละ 1 แสน เป็น 2 แสนบาทนั้น เรื่องนี้ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนายทุนที่มาจากประเทศจีน และยุโรป เพราะนายทุนเหล่านี้ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวพบแร่โซดาที่มีคุณภาพ จึงต้องการซื้อที่ดินเพื่อนำไปสร้างโรงงานผลิตน้ำแร่แล้วส่งไปจำหน่ายที่ประเทศของตนเอง
แต่หลังจากที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลประกาศให้ทราบว่า ที่ดินเป็นพื้นที่โครงการศึกษา สำรวจและรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน และเป็นพื้นที่พระราชกฤษฎีกา 2481 จึงไม่สามารถให้เอกชนเข้ามาดำเนินการซื้อที่เพื่อขุดเจาะนำไปผลิตน้ำแร่โซดาแล้วส่งไปจำหน่ายเองได้ กระแสราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นจึงเงียบไป
"ซึ่งนายทุนที่ต้องการซื้อที่ดินถึงแม้จะซื้อในราคาไร่ละ 5 แสน หรือไร่ละ 1 ล้านบาทก็ตาม เรื่องราคาเขาไม่ค่อยสนใจว่าจะแพงเท่าไหร่ แต่เขามองว่า น้ำแร่โซดาที่ผลิตได้จะเป็นการต่อยอดและเกิดประโยชน์กับนายทุนมากกว่าที่จะมาสนใจเรื่องของราคาที่ดิน ที่ผ่านมามีนายทุนหลายราย มีทั้งจากประเทศจีนและยุโรปมาพบตน และนายทุนเหล่านี้ได้นำน้ำแร่ไปตรวจคุณภาพแล้วพบว่าน้ำแร่แห่งนี้มีคุณภาพจริง แต่มาติดปัญหาเรื่องของที่ดินนายทุนเหล่านั้นจึงเงียบหายไป
ดังนั้น จึงขอฝากไปถึงรัฐบาลให้มองเห็นว่าพื้นที่พระราชกฤษฎีกา 2481 ปัจจุบันพื้นที่เทศบาลตำบลห้วยกระเจา มีแต่ชาวบ้านเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งมีการจับจองกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย และไม่มีพื้นที่ที่เป็นป่าอยู่อีกแล้ว อยากให้รัฐบาลฝากไปถึงกองทัพบกช่วยผ่อนปรนในเรื่องนี้ คือ ขอให้คืนพื้นที่ที่ชาวบ้านทำกินกันมาหลายชั่วอายุคน ส่วนพื้นที่ไหนที่เป็นป่าและภูเขาให้กองทัพบกดูแลในการอนุรักษ์ผืนป่าต่อไปได้
ต้องขอเรียนว่าชาวบ้านในเทศบาลตำบลห้วยกระเจาเป็นคนขยันทำมาหากิน การที่ไม่มีพระราชกฤษฎีกา 2481 ตนมองว่าหากมีนายทุนจากต่างชาติมาซื้อที่สร้างโรงงานผลิตน้ำแร่ก็เป็นเรื่องดี แต่ตนเองให้ความสำคัญกับชาวบ้านมากกว่า เพราะชาวบ้านจะสามารถรวมตัวกันตั้งวิสาหกิจชุมชนขึ้นมาแล้วผลิตน้ำแร่ไปจำหน่ายเองได้โดยไม่ต้องพึ่งนายทุน หากสำเร็จเม็ดเงินจะตกอยู่กับประชาชนชาวตำบลห้วยกระเจา