อุบลราชธานี - เจ้าหน้าที่กู้ภัยจังหวัดอุบลราชธานีวอนขอความเห็นใจ หลังรับแจ้งมีหนุ่มน้อยใจเมียกระโดดสะพานข้ามแม่น้ำมูลหวังฆ่าตัวตาย กู้ภัยช่วยกันตามหาให้วุ่น แต่โอละพ่อกลับไปนอนอยู่ที่บ้าน ปล่อยให้ค้นหาอยู่นาน
จากกรณีเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.เกียรติชาติ สาโท รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 อุบลราชธานี มีชายจะกระโดดสะพาน 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำมูล จึงให้หน่วยกู้ภัยใกล้เคียงเข้าตรวจสอบและช่วยเหลือ
ปรากฏเมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิการกุศลจีตัมเกาะอุบลราชธานีไปถึงจุดเกิดเหตุกลางสะพานพบรองเท้าแตะสีเหลือง 1 คู่ กระเป๋าหนังใส่เงินสีดำ เอกสารบัตรประจำตัวประชาชนระบุชื่อนายวัฒน์ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี และจดหมายเขียนด้วยลายมือถึงภรรยา โดยบรรยายความในใจและขอโทษที่ไม่สามารถดูแลครอบครัว ฝากดูแลลูกแทนตัวเองด้วย
หลังพบหลักฐานดังกล่าว เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงสันนิษฐานอาจมีผู้ก่อเหตุกระโดดสะพานลงไปในแม่น้ำเพื่อฆ่าตัวตาย ได้ประสานเรือท้องแบนของเทศบาลนครอุบลราชธานีล่องเรือตระเวนหาร่องรอยของผู้กระโดดน้ำบริเวณใต้สะพานและบริเวณใกล้เคียง
พร้อมได้โทรศัพท์เช็กข้อมูลไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่เขียนไว้ในจดหมายลาตาย แต่ติดต่อใครไม่ได้ มีเพียงญาติของผู้ก่อเหตุเดินทางมาดูจุดเกิดเหตุ หลังค้นหาในน้ำนานกว่า 1 ชั่วโมงไม่มีวี่แววของผู้กระโดดน้ำ ประกอบกับเป็นช่วงกลางดึก มีอากาศหนาวเย็น ไม่สะดวกต่อการค้นหา จึงยุติการค้นหา และเตรียมมาค้นหาใหม่ในตอนเช้าวันที่ 15 ธ.ค.นี้
กระทั่งเช้าหน่วยกู้ภัยได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งจากญาติพบตัวนายวัฒน์ ผู้ก่อเหตุไปอาศัยนอนอยู่ที่บ้านเพื่อน ไม่ได้จมน้ำเสียชีวิตไปกับกระแสน้ำแต่อย่างใด โดยไม่ได้แจ้งยกเลิกการแจ้งเรื่องต่อศูนย์กู้ชีพ 1669
โดยนายวัฒน์อ้างกับตำรวจว่าเกิดอาการเครียดจากปัญหาครอบครัว จึงคิดฆ่าตัวตาย โดยกระโดดลงไปในแม่น้ำจริง แต่ด้วยความที่ตนว่ายน้ำเป็น ทำให้ไม่จมน้ำเสียชีวิต เมื่อขึ้นฝั่งได้ไปขออาศัยนอนที่บ้านเพื่อนเพราะยังไม่อยากกลับบ้าน ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนนายวัฒน์อย่าทำเช่นนี้อีก เพราะเหมือนเป็นการแจ้งหลอกเจ้าหน้าที่
สำหรับเรื่องนี้ นายปัญจพัฒน์ กุลฐรัศมิ์ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิการกุศลจีตัมเกาะอุบลราชธานี มองว่าการกระทำของนายวัฒน์เหมือนสร้างสถานการณ์เรียกร้องความสนใจ โดยไม่ได้กระโดดลงไปในแม่น้ำจริง ตามคำบอกเล่าของญาติของผู้ก่อเหตุ และการทำเช่นนี้สามารถสร้างความเสียหายแก่คนอื่นได้ เพราะหากช่วงเดียวกันมีเหตุอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัย ก็อาจไม่ได้รับการช่วยเหลือ หรือได้รับการช่วยเหลือล่าช้า เพราะติดอยู่กับการค้นหานายวัฒน์ที่แจ้งว่ากระโดดน้ำ
ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยเจอกับการแจ้งเหตุกระโดดน้ำ แต่สุดท้ายบางรายก็ไม่ได้กระโดดจริง บางรายกระโดดแค่ริมแม่น้ำ เมื่อขึ้นจากน้ำก็กลับบ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องวุ่นวายตามหาอยู่นานกว่าจะทราบความจริง
จึงอยากขอความเห็นใจผู้ที่คิดสร้างเรื่อง เพื่อเรียกร้องความสนใจ เพราะเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็เหนื่อยกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว จึงไม่ควรสร้างเรื่องขึ้น เพราะจะทำให้ผู้ประสบภัยรายอื่นไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีด้วย