ตาก - ผู้การเมืองตากยืนยัน 2 ใน 4 โจรควงปืนยิงเปิดทางก่อนบุกปล้นร้านทองกลางเมืองตากเคยปล้นห้างทองฯพบพระ กวาดทองหนัก 182 บาทหนีตั้งแต่กุมภาฯ 65 ที่เหลืออีก 2 เป็นพม่า ล่าสุดคาดเผ่นข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติแล้ว
ความคืบหน้ากรณี 4 โจรใช้จักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะบุกปล้นห้างทองเยาวราช เลขที่ 309/2-3 ถนนท่าเรือ ต.ระแหง อ.เมืองตาก ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนตากพิทยาคม เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา ซึ่งคนร้ายได้ใช้ปืนเก็บเสียงยิงกระจกหน้าร้านแตกกระจายก่อนบุกปล้น ระหว่างใช้เครื่องหินเจียรตัดลูกกรงเหล็กเพื่อทำการปล้นทอง นายพิสิฐ ระพิทย์พันธ์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านฯ ได้ใช้ปืนลูกซองยาวยิงเข้าใส่คนร้ายจำนวน 4 นัด
กระสุนปืนถูกนายวิชัย แซ่ว่าง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 402 ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก บาดเจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนถูกส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลพุทธชินราช และอีกหนึ่งคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจับตัวได้ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้สอบสวน คือนายเต๋อ แซ่ท้าว ภูมิลำเนาอยู่ใน อ.พบพระ ส่วนคนร้ายอีก 2 คนยังคงหลบหนีอยู่นั้น
ล่าสุดวันนี้ (9 ธ.ค. 65) พล.ต.ต.ปกปภพ บดีพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ตาก ได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตัวคนร้าย 2 คน คือ นายวิชัย ที่ถูกเจ้าของร้านยิงได้รับบาดเจ็บ และนายเต้อ ที่ถูก พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผกก.กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.ตาก นำกำลังชุดสืบจังหวัดตากติดตามจับกุมตัวได้ในขณะหลบหนีไปหลบซ่อนในป่าละเมาะ หลัง กศน.ตาก
ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่าคนร้ายทั้ง 2 คนนี้คือ คนร้ายที่ก่อเหตุปล้นร้านทองในพื้นที่ อ.พบพระ จ.ตาก กวาดทองน้ำหนัก 182 บาทหลบหนีไปเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ส่วนคนร้ายอีก 2 คนในคดีปล้นร้านทองเยาราชที่กำลังหลบหนีนั้นทราบว่าเป็นชาวเมียนมาที่มาร่วมแก๊งปล้น ทราบชื่อคนขี่รถจักรยานยนต์คือ นายต้ายี คนซ้อนรถจักรยานยนต์ชื่อ กิ้งกู้
ขณะนี้ พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผกก.กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.ตาก ได้นำกำลังตำรวจสืบภูธรจังหวัดตากแกะรอยติดตามอย่างใกล้ชิด
เบื้องต้นได้เบาะแสหลายอย่าง รวมถึงภาพวงจรปิดตามจุดต่างๆ จนพบว่าได้หลบหนีข้ามสะพานกิตติขจร ไปทางหมู่บ้านหนองบัวใต้ ใช้เส้นทางในหมู่บ้านเพื่อหลบไปในพื้นที่ อ.วังเจ้า หวังเดินทางต่อไปยังชายแดน อ.พบพระ
พล.ต.ต.ปกปภพเปิดเผยอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมกับหน่วยความมั่นคงตามแนวชายแดนให้ช่วยจับกุม 2 คนร้ายที่ยังหลบหนีอยู่มาดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าคนร้ายได้แอบหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้เส้นทางพรมแดนธรรมชาติ ซึ่งคนร้ายมีความชำนาญเส้นทางหลบหลีกการติดตามและตั้งด่านสกัดของเจ้าหน้าที่
วันเดียวกัน พ.ต.อ.สิทธิชัย ยิ้มยวน ผกก.สภ.อ.เมืองตาก จ.ตาก นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคุมตัวนายเต้อ แซ่ท้าว ภูมิลำเนาอยู่ใน อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งเป็น 1 ใน 4 คนร้าย เดินทางไปทำแผน ณ จุดที่ก่อเหตุ โดยจำลองเหตุการณ์ขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์มาที่ร้านทอง และขณะก่อเหตุ ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชน รวมถึงประชาชนที่ให้ความสนใจต่อเหตุการณ์นี้เป็นจำนวนมาก
ด้านนายพิสิฐ ระพิทย์พันธ์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านทองเยาวราช เมืองตาก บอกว่าตอนเกิดเหตุเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืนและมีท่อเก็บเสียง ยิงเปิดทางเข้ามา จังหวะนั้นตนบอกให้ภรรยาวิ่งหลบ และตนก็หลบฉากเข้าที่กำบังก่อนเอาปืนลูกซองยิงขึ้นฟ้าขู่ไป 1 นัด และยิงต่อเนื่องในท่าประทับเอวอีก 2 นัดเพื่อไล่โจร ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าโจรได้ทองไปหรือไม่เพราะ เหตุการณ์เกิดเร็วมาก ต่อมาขณะที่คนร้ายจะหนีได้หันปืนชี้มาทางตน จังหวะนั้นจึงยิงในท่าประทับเอวในมุมต่ำตามที่เรียนมา ไปอีก 1 นัด รวม 4 นัด
“คิดว่าผมคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจยิงต่อสู้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นหากคนร้ายสามารถบุกเข้ามาประชิดตัวได้”
ขณะที่ พ.ต.กิตติ เกิดผล นายทหารกองกิจการพลเรือน มทบ.310 นายสนามยิงปืน มทบ.310 ในฐานะครูฝึก เปิดเผยว่า นายพิสิฐ ระพิทย์พันธ์ เจ้าของร้านทองฯ และเป็นเจ้าของร้านปืนชื่อเล่นชื่อเค ได้มาอบรมการใช้อาวุธปืนเบื้องต้นกับสนามของมณฑลทหารบกที่ 310 พร้อมภรรยาเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมาแล้ว เป็นผู้ที่ชื่นชอบในกีฬายิงปืน เคยร่วมแข่งขันในรายการแข่งขันที่ทางสนามจัดแข่งในจังหวัดตากและได้ถ้วยรางวัล
“ทุกวันนี้เมื่อมีเวลาว่างนายพิสิฐก็มักจะเข้าไปสนามเพื่อซ้อมยิงปืน ซึ่งโดยส่วนตัวก็มีปืนหลายกระบอก หลายชนิด และแต่ละครั้งที่ไปก็จะนัดครูฝึกไปแนะนำการใช้งานอยู่เสมอ เป็นคนมีจิตใจดี ใจเย็น สอนง่าย การใช้ปืนอยู่ในเกณน์ดีเลยทีเดียว”
พ.ต.กิตติบอกว่าเจ้าของร้านทองได้ปฏิบัติตามหลักการการใช้อาวุธปืนเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินตามที่ได้สอนมา โดยนัดแรกเป็นการยิงขึ้นโดนเพดานเพื่อขู่ แต่ภัยนั้นยังไม่ยับยั้ง จึงยิงขู่ไปอีก 2 นัด ในท่าประทับเอว และจังหวะนั้นคนร้ายได้หันอาวุธปืนมาทางเจ้าของร้าน จึงมีการยิงนัดที่ 4 ในมุมต่ำ จึงโดนคนร้ายบริเวณช่วงล่างของลำตัว ทำให้คนร้ายได้รับบาดเจ็บ เป็นการยิงแบบยับยั้งระงับภัยตามหลักยุทธวิธีการใช้อาวุธปืนเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน