เชียงใหม่ - หัวอกพ่อแม่ ขอเอาเรื่องจนถึงที่สุด..หลังลงดอยมาค้าขายในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้ลูกสาววัย 13 ปีอยู่โรงเรียนกินนอน ถูกหลอกให้ออกจากหอพักไปกินข้าวกับรุ่นพี่ สุดท้ายโดนมอมเหล้าหมดสติทั้งคืน ตื่นมาเจอผู้ชายนอนข้างๆ ครูตามรับตัวพบถูกยึดโทรศัพท์ซ้ำ พอขึ้นโรงพักแจ้งความคู่กรณีให้ญาติโทร.มาไกล่เกลี่ย
เรื่องราวดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากนายบอย (นามสมมติ) พ่อของเด็กหญิงจิ๊บ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี เด็กนักเรียนกินนอนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่มของวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
โดยมีหญิงสาวเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ได้โทรศัพท์มาชักชวนเกลี้ยกล่อมลูกสาวตนว่า..ได้ชวนเพื่อนรุ่นพี่อีกคนที่อยู่ในหอพักของโรงเรียนไปเป็นเพื่อน ลูกสาวตนจึงเชื่อใจเดินทางออกจากโรงเรียนไป 2 ทุ่ม ขณะที่หญิงสาวเจ้าของร้านอาหารดังกล่าวพร้อมกับผู้ชายอีกคน นำรถยนต์มารับและจอดอยู่นอกรัศมีกล้องวงจรปิดของโรงเรียนเพื่ออำพราง
จากนั้นก็พาลูกสาวตนพร้อมกับเพื่อนรุ่นพี่ขึ้นรถไปที่ร้านอาหารดังกล่าวซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 4 กม. เมื่อไปถึงพบผู้ชาย 3 คน และผู้หญิง 2 คนกำลังนั่งดื่มกิน รับประทานอาหารกันอยู่ ส่วนตัวน้องจิ๊บ และเพื่อนรุ่นพี่ได้นั่งรับประทานอาหารด้วยกัน
ระหว่างนั้นหญิงสาวเจ้าของร้านอาหารที่เป็นคนชวนลูกสาวตนออกจากหอพักโรงเรียน และผู้ชายกลุ่มดังกล่าวได้พยายามชักชวน เกลี้ยกล่อมให้ลูกสาวตนดื่มเบียร์ จนเวลาประมาณ 3 ทุ่ม น้องจิ๊บเริ่มมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ และหมดสติในที่สุด ก่อนถูกพาไปนอนที่ห้องนอนในบ้านที่อยู่ใกล้ร้านอาหาร และลูกสาวตนสะดุ้งตื่นตอนตี 2 เนื่องจากมีคนมานอนทับแต่ว่าอยู่ในอาการมึนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
นายบอยกล่าวเพิ่มเติมว่าตนกับภรรยามาค้าขายในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งในคืนเกิดเหตุภรรยาของตนได้ฝันหาลูกสาว และรู้สึกไม่ดีจึงพยายามโทรศัพท์หาลูกสาวแต่ก็ติดต่อไม่ได้ หลังจากนั้นได้โทรศัพท์สอบถามลูกสาวที่โรงเรียนปรากฏว่าครูได้แจ้งว่าเช้าวันที่ 30 พฤศจิกายนลูกสาวตนไม่มาเรียน ก็รู้สึกแปลกๆ จึงให้ญาติที่อยู่ใกล้โรงเรียนไปสอบถามคุณครู ก่อนจะได้ข้อมูลว่าน้องจิ๊บได้ออกไปรับประทานอาหารกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ร้านดังกล่าว
ทางญาติและคุณครูได้เดินทางไปรับตัวน้องจิ๊บกลับ ขณะที่ตนกับภรรยาได้ขับรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปถึงโรงเรียนพอดีจึงได้สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกจนทราบความจริงทั้งหมด และทราบว่าหนึ่งในผู้ชายที่นอนข้างๆ ลูกสาวคือชายคนที่ขับรถไปรับลูกสาวตน
หลังจากนั้นตนได้นำตัวลูกสาวมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจสอบว่าถูกสาวตนถูกมอมยาและถูกข่มขืนหรือไม่ เนื่องจากตอนแรกที่คุณครูไปพบลูกสาวตนอยู่ในสภาพถูกถอดกางเกงออก นอกจากนี้ลูกสาวตนยังถูกยึดโทรศัพท์ไว้ จนคุณครูต้องไปตามเอาคืนภายหลัง
ต่อมาตนได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.กัลยาณิวัฒนา ให้ดำเนินคดีนายอ๊อด (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้ชายที่นอนข้างลูกสาวตนในคืนเกิดเหตุ ในข้อหาพรากผู้เยาว์ฯ ส่วนข้อหาอื่นนั้นต้องรอผลตรวจร่างกายออกมาก่อนจึงจะสามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้
หลังจากที่ตนได้แจ้งความนายอ๊อดไปแล้ว ได้มีบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นพี่สาวของนายอ๊อด โทรศัพท์ติดต่อมาหาตนพูดจาหว่านล้อมของเจรจาไกล่เกลี่ย ซึ่งตนได้ปฏิเสธไปและยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับผู้ปกครองหลายๆ คนทั้งครูในโรงเรียน ทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวน่าจะมีพฤติกรรมล่อลวงเด็กหญิงไปค้าประเวณี คาดว่ามีการทำเป็นขบวนการและอาจมีเด็กนักเรียนเป็นแม่เล้าชักชวน ล่อลวงเพื่อนๆ หรือรุ่นน้อง ไปให้กลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมชอบเด็กนักเรียน
ด้านน้องจิ๊บ ผู้เสียหายเล่าว่า วันเกิดเหตุ ได้มีผู้หญิงคนที่ชื่อจอย โทรศัพท์ชักชวนให้ไปรับประทานอาหารที่ร้านทั้งเอาอาหารมาล่อ ซึ่งขณะนั้นตนยังไม่รับปาก แต่จู่ๆ เขาก็โทร.ไปคุยกับเพื่อนรุ่นพี่อีกคนซึ่งไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน ต่อมารุ่นพี่คนดังกล่าวก็มาชวนไปรับประทานอาหารด้วย ตนจึงให้ความเชื่อใจและไม่คิดว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น พอไปถึงร้านนางสาวจอยได้เทเหล้าให้ดื่ม แก้วแรกก็รู้สึกมึนๆ จากนั้นเขาก็เทเหล้าให้ดื่มตลอดจนเริ่มเมาและอยากอาเจียน
“ตอนเช้ามารู้ตัวอีกทีก็ได้มานอนในห้องและเห็นผู้ชายคนที่นั่งดื่มกินในร้านนอนอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตกใจมาก และยืนยันว่าผู้ชายที่นอนอยู่ข้างๆ เป็นคนเดียวกับผู้ชายที่นั่งดื่มในร้านก่อนเกิดเหตุ ถ้าเห็นหน้าอีกครั้งก็ยังจำได้”