ลำปาง - ผบ.ตร.ชื่นชมตำรวจแม่พริก ลำปาง มีไหวพริบ รวบหนุ่มขับรถสิบล้อขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด เคตามีนกว่า 100 กิโลกรัม ตบตา จนท.ซุกซ่อนมากับทิชชู รับมาจากเชียงใหม่ส่งสงขลา
วันนี้ (22 พ.ย. 65) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง, นายวิชัย ไชยมงคล เสขาธิการ ป.ป.ส. และ นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าฯ ลำปาง, นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ ผอ.ป.ป.ส.ภาค 5 ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ลำปาง ยึดยาบ้ารวมกว่า 5 ล้านเม็ด เคตามีนประมาณ 101 กิโลกรัม ผู้ต้องหา 1 ราย รถยนต์ของกลาง
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก จ.ลำปาง ได้เรียกตรวจรถบรรทุกหกล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 66-9601 กทม. พบ นายวัชระ คะรวนรัมย์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ม.5 ต.คูเมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ คนขับรถมีท่าทางพิรุธ จึงได้ขอทำการตรวจค้น
โดยได้นำรถยนต์บรรทุกเข้าเครื่อง X-RAY ประจำด่านตรวจแม่พริก พบวัตถุสงสัยคล้ายก้อนยาเสพติด ปะปนมากับกล่องสินค้า จึงได้ตรวจสอบอย่างละเอียดพบยาบ้าจำนวน 850 ก้อน ประมาณ 5 ล้านเม็ด และเคตามีนอีกจำนวน 101 ก้อน ก้อนละ 1 กก. รวมเป็น 101 กก.
สอบสวนนายวัชระให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายวสันต์ให้มาขนยาเสพติดดังกล่าว โดยซุกซ่อนยาเสพติดมากับสินค้าจำพวกกล่องทิชชูเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ ต้นทางของยาเสพติดมาจาก อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ปลายทาง จ.สงขลา และนายวัชระรับว่าได้เสพยาบ้ามาด้วย
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีและทำการขยายผลยึดทรัพย์ตามกฎหมายต่อไป
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่องในทุกมิติ ต้องขอชื่นชมในไหวพริบของตำรวจด่านแม่พริก จ.ลำปาง ที่มีปฏิภาณไหวพริบในการตรวจค้นจนนำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้ โดยด่านตรวจยาเสพติดแห่งนี้มีผลงานจับกุมยาเสพติดมาต่อเนื่อง ขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งข้อมูล เบาะแส แจ้งข่าวยาเสพติด หรืออาชญากรรมอื่นๆ ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอดเวลา ทางสายด่วน 191 หรือ 1599 โดยทุกข้อมูลจะดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจัง